สวัสดีครับทุกท่าน ขอต้อนรับเข้าสู่เรื่องราวการเดินทางท่องเที่ยวตอนใหม่ของบักสนนะครับ สำหรับทริปนี้ผมจะพาทุกท่านบินลัดฟ้าไปยังแดนมังกรครับผม ซึ่งก็เป็นการเดินทางไปครั้งที่ห้าแล้วสำหรับประเทศนี้ แต่ไม่ได้ไปที่เดิมนะครับ สถานที่ที่ผมตั้งใจจะไปครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ในฝัน และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำระดับหนึ่งในร้อยของจีนด้วย
การเดินทางที่ว่าเริ่มต้นที่เมืองฉงชิ่งครับ ผมเริ่มออกเดินทางตั้งแต่เช้าตอนหกโมงเช้า บินจากสนามบินดอนเมืองไปยังท่าอากาศยานฉงชิ่ง ใช้เวลาสามชั่วโมงกว่าครับ การเดินทางห้าวันแรก เพื่อนผมสมัยมัธยมเดินทางไปด้วย เพราะว่าเพื่อนก็ไม่เคยไปเมืองจีนเลย เลยอยากไปเที่ยวกับผม ซึ่งก็ยินดีครับเพราะจะได้มีเพื่อนคุยระหว่างเดินทาง
เมื่อถึงที่สนามบิน ผ่าน ต.ม. บางที ต.ม. จะถามคำถามเราเป็นภาษาอังกฤษนะครับ แต่ใช้ศัพท์ค่อนข้างประหลาดทำให้ไม่ค่อยเข้าใจ เช่นถามวา what is your purpose in Thailand? ผมก็งง อะไรวะ แต่เดาว่าคงจะหมายถึง มาทำอะไรที่เมืองจีนมั้ง (ดูไม่ค่อยเข้ากับคำถามเลย เพราะมันมีคำวา purpose & Thailand ไงครับ) ผมก็ตอบไปว่า Just for travelling เค้าก็ปั้มให้ผ่านแดนไปเลย ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่ถูกถามนะครับ เอาจริงๆ ต่อให้ตอบไม่ได้ เค้าก็ให้ผ่านแหละ ถ้าไม่ได้เอาของผิดกฎหมายเข้าประเทศเขา
หลังจากที่เราผ่าน ตม แล้ว อย่างแรกเลยคือให้เราเดินออกจาก Terminal ครับ เนื่องจากที่นี่มี 2 Terminals นั่นคือ Terminal 1 สำหรับบินต่างประเทศ และ Terminal 2 สำหรับบินในประเทศ ให้เราเดินออกจาก Terminal 1 แล้วเลี้ยวซ้ายเลยครับ เดินไปเรื่อยๆ เพื่อไปยัง Terminal 2 เพราะที่นั่นมีสถานีรถไฟฟ้าครับ เราจะนั่งรถไฟฟ้าไปยังตัวเมืองฉงชิ่งกัน ทางลงไปยังรถไฟฟ้าอยู่ตรงด้านหน้าสถานีเลยครับ ติดกับบันไดเลื่อน หาไม่ยาก
ผมจองที่พักไว้ชื่อว่า Green Forest traveling ซึ่งตั้งอยู่ที่สถานีรถไฟ Jiao Chang Kou ครับ อยู่ใกล้ๆ เขตไฮโซหรูหรา Jie fang bei นั่งไฟมาเปลี่ยนขบวนที่สถานี Nu jiao tou การเดินทางก็ไม่ยากครับ นั่งรถประมาณห้าสิบนาที ก็ถึงที่หมายแล้ว ที่พักก็ยิ่งหาสะดวก อยู่ตรงข้ามทางออกหมายเลข 4 เลยครับ ออกจากทางออกแล้วข้ามถนน จากนั้นเดินเข้าซอยที่อยู่ขวามือของโรงแรม 7 Days Inn ไปเลย
ถ้ามาพักที่เดียวกับโรงแรมที่ผมพัก ให้นั่งรถมาลงที่สถานี Jiao Chang Kou แล้วเดินออกมายังทางออกของรถไฟสาย 1 ครับ หาทางออกหมายเลข 4 ให้เจอ ค่าโดยสารจากสนามบินมายังสถานี Jiao Chang Kou ราคา 6 หยวนเท่านั้นครับ ถูกมากๆ
เนื่องจากวันนี้เป็นวันแห่งการเดินทาง ดังนั้นพวกเราตั้งใจว่าจะไม่ได้เน้นเที่ยวอะไรหนักมาก แต่จะเน้นเที่ยวแบบชิลๆครับ
สถานที่แรกที่เราไปก็คือหมู่บ้านโบราณ Ciqikou ครับ นั่งสถานีไปยังสถานี Ciqikou เดินไปยังประตู 1 ได้เลย ออกมาปุ๊บก็จะเห็นป้ายบอกเขตเมืองเก่า นั่นแหละครับ เดินเข้าไปโลดเข้าได้ฟรี ซึ่งที่นี่ก็เป็นแหล่งที่เป็นร้านขายของไปหมดแล้วครับ ก็เข้าใจนะว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไป เราก็ต้องหาอะไรเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง แต่มันก็ยังมีเสน่ห์ในรูปแบบของสถาปัตยกรรมโบราณอยู่ และอาหารที่นี่ก็อร่อยมากเลย
กิจกรรมของพวกเราส่วนใหญ่จึงหมดไปกับการเดินถ่ายรูปและหาของกิน เพื่อนผมก็ดูสนุกนะครับ วันนี้เก็บแรงก่อน อย่าเพิ่งหักโหม พรุ่งนี้และวันถัดไปจะได้เดินเยอะมาก
เมืองโบราณ Ciqikou เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจี๋ยเหลียงครับ ในยุคราชวงศ์หมิง ที่นี่เป็นตลาดท่าเรือครับ มีการจำหน่ายสินค้าที่ถูกขนส่งมาทางเรือ แต่ทุกวันนี้รัฐบาลจีนได้เปลี่ยนให้เป็นร้านค้าขายของไปหมดแล้ว แต่สถาปัตยกรรมต่างๆ ก็ยังคงไว้ในรูปแบบเดิม และเขาก็ยังคงอนุรักษ์ความเป็นตลาดโบราณไว้นะครับ เพราะเห็นบอกว่ามีประวัติศาสตร์ยาวนาน ว่าจากการสร้างครั้งแรกนั้น หมู่บ้านนี้ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงราชวงศ์ซ่งครับ และมีความรุ่งเรืองมากๆในยุคราชวงศ์ชิง ถึงขนาดมีบทกวีเขียนถึงหมู่บ้านแห่งนี้ว่าเป็นที่ที่ “พันคนพานพบยามทิวากาล หมื่นเทียนส่องผ่านยามราตรี” (one thousand people greet each other during day … ten thousand lamps flicker at night)
สำหรับใครที่ชอบดูสถาปัตยกรรมโบราณ และชอบทานอาหารอร่อยๆ จะต้องชอบที่นี่ครับ ยกเว้นเสียแต่ว่า จะกินอาหารจีนไม่ถูกปาก แต่สำหรับผม ผมชอบอาหารมณฑลเสฉวนมากๆ เราเดินกันลัดเลาะไปตามถนน สองฟากฝั่งเต็มไปด้วยร้านค้าขายของนานาชนิต บรรยากาศครึกครึ้นสุดๆ มีอาหารหลายๆอย่างที่ผมก็ไม่เคยกินมาก่อน ดังนั้นผมก็ไม่พลาดที่จะลองลิ้มรสครับ
อาหารเมืองฉงชิ่ง ขึ้นชื่อลือชามากเรื่อง “ความเผ็ด” ครับ เผ็ดแบบไม่ไหวแล้ว กินพริกเป็นอาหารจานหลักหรืออย่างไร ดังนั้นถ้าใครที่ไม่กินเผ็ดควรจะจำคำนี้เอาไว้ให้ดีครับ
- ปู้ล่า แปลว่า ไม่เผ็ด
- ล่าอี๋เตี่ยนเตี่ยน แปลว่า เผ็ดนิดเดียว
ถ้าใครมาจีนครั้งแรก กินอาหารอยู่ดีๆแล้วมีอาการลิ้นชา นั่นแสดงว่าคุณได้มาถึงเมืองจีนไปอีกก้าวแล้วครับ เพราะมันคือรสชาติของหมาร่า พริกจีนที่ทำให้ลิ้นรับรสอย่างเราๆเสียไปเลย ฮ่าๆ อาหารแนะนำที่ผมอยากแนะนำคือฮอทพอตเมืองฉงชิ่ง และบรรดาอาหารเสียบไม้ที่ปิ้งย่างริมถนนนั่นแหละครับ อร่อยเหาะไปเลย
สำหรับคนที่มาเที่ยวได้ไม่กี่วัน ผมแนะนำว่าวันแรกควรจะมาเมืองโบราณแห่งนี้ครับ เพราะเราสามารถอยู่เที่ยวได้แบบไม่ต้องรีบร้อนมากนัก ถือเป็นการเก็บแรงก่อนจะไปผจญภัยในวันต่อๆไปได้ด้วย
ไม่ต้องตกใจไปนะครับ ถ้ามาตลาดแห่งนี้แล้วคนเยอะมาก ก็แหงละ นี่มันแหล่งเช็คอินชื่อดังของเมืองฉงชิ่งนี่นา ใครมาเที่ยวฉงชิ่งต่างก็พากันแห่มาเที่ยวที่นี่ แต่คนเยอะก็ดูคึกคักดีครับ สมกับเป็นเมืองท่องเที่ยว ในรูปนี่ยังไม่ถือว่าเยอะนะครับ ถ้าไปช่วงเสาร์อาทิตย์ ฮ่ะๆ ไม่อยากจะพูดว่าคนเบียดกันขนาดไหน
นอกจากจะมีตลาดแล้วในหมู่บ้านโบราณนี้ก็มีวัดให้ไปทำบุญไหว้พระขอพรครับ น่าจะเสียเงินนะครับ ผมไม่ได้ขึ้นไปดู ตอนผมไปมีโรงงิ้วจีนด้วย ซึ่งผมก็ไม่ได้ไปดูอีกนั่นแหละ เพราะโดยส่วนตัวไม่ได้อินกับงิ้วจีน
ถ้าให้สรุปสั้นว่าที่แห่งนี้เหมาะกับการทำอะไร คำตอบก็คือ “เดินชอปและชิม” ครับ
อ้อ ผมขอเล่าเรื่องความประทับใจแรกของทริปนี้ก่อนครับ เนื่องจากว่าพวกเราช็อคกับป้ายสถานีรถไฟฟ้าแต่ละสถานี เพราะมันมีแต่ภาษาจีน อ่านไม่ออก เลเบลภาษาอังกฤษอยู่ตรงไหน ผมเลยถามสาวจีนที่ยืนอยู่ข้างหน้าครับ เธอพูดภาษาอังกฤษได้ และช่วยพวกเราซื้อตั๋ว แถมบอกว่าไปทางเดียวกัน เธอพาพวกเราเดินไปโน่นนี่นั่น แบบเป็นมิตรมาก เสียดายที่สถานีเปลี่ยนขบวน พวกผมขึ้นรถไม่ทัน พวกเราจึงคลาดกัน ซึ่งก็เธอก็ตกใจที่เห็นพวกเรายังอยุ่ข้างนอก เราได้แต่โบกมือลาให้เธอ เสียดายที่ยังไม่มีโอกาสได้พูดร่ำลา
มาดูเรื่องโรงแรมที่ผมพักกันบ้าง ผมเคยมาพักโรงแรมนี้ครั้งหนึ่งในตอนที่มาเที่ยวจิ่วไจ้โกว แล้วรอบินกลับไทยครับ ด้วยความที่สถานที่ตั้งดีงามมาก ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ใกล้เขตเมือง มีอาหารให้กินเยอะแยะ ผมจึงเลือกมาพักที่นี่อีกครั้ง แม้จะเป็น hostel แต่ก็มีห้องส่วนตัวให้นะครับ ผมก็นอนแบบห้องส่วนตัว ห้องน้ำห้องท่าสะอาดดีมาก แถมเป็นโรงแรมที่เป็นที่นิยมของ Booking.com ด้วย ผมแนะนำนะครับ มันเดินทางสะดวกจริงๆ ไม่ว่าจะไปแถบหงหยาต้ง หรือจะไปเที่ยวทริปต้าจู๋ อู่หลง มันใกล้จุดขึ้นรถดี รอบนี้ผมนอนทั้งแบบห้องส่วนตัว และแบบเตียงสี่เตียงด้วย ผมก็ประทับใจค่อนข้างมากนะครับ ห้องน้ำสะอาดสะอ้านดีมากๆ ยกเว้นอย่างเดียวคือ คืนแรกที่นอนห้องเตียงสี่เตียง เจอรูมเมทนอนกรน หลอนมาก ฮ่าๆ
ค่าใช้จ่ายหลักๆ สำหรับวันนี้
นั่งรถไฟฟ้าจากสถานีสนามบิน มายัง Jiao Chang Kou 6 หยวน
จ่ายค่าห้องพัก 712 หยวน สำหรับสี่คืน หารสอง ตกคนละ 356 หยวน
จ่ายค่าเดินทางไปยังสถานี Ciqikou 4 หยวน
จ่ายค่าเดินทางกลับมายังโรงแรมอีก 4 หยวน
** ส่วนใครถ้าอยากนั่งแท็กซี่มาตัวเมืองจากสนามบิน ผมเคยนั่งจากเมืองไปสนามบิน ราคามิเตอร์ประมาณ 60 – 80 หยวน ครับ ถ้าเจอแบบเหมาราคาแพงเกินกว่านี้ก็ลองต่อราคาดูนะครับ แต่เอาจริงๆ เดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็สะดวกดีนะ
ส่วนพวกค่ากินก็ไม่ได้แพงมากนะครับ อย่างอาหารต่างๆก็ประมาณจานละ 8 ถึง 12 หยวน แล้วแต่ว่าจะกินอะไร ซึ่งบอกเลยว่าขนาดที่ได้เยอะมาก คุ้มค่าคุ้มราคาสุดๆ