แบกเป้เที่ยวตุรกี ตอนที่ 3 ล่องเรือชมสองทวีป เที่ยวพระราชวังสุดอลังการ

August 19, 2019
Scroll Down

วันถัดมาพวกเราวางแผนกันว่าจะไปล่องเรือในช่องแคบบอสฟอรัสเพื่อที่จะชมวิวของสองฝากฝั่งในดินแดน Anatolia แห่งนี้ครับ ฝั่งหนึ่งก็เอเชีย อีกฝั่งหนึ่งก็ยุโรป ให้สมกับการมาเที่ยวประเทศสองทวีปสักหน่อย

ด้วยความที่เราตื่นเช้ากันมาก ที่นี่อาหารเช้าเค้าก็ไม่ค่อยมีครับ ร้านรวงเปิดกันราว 10:00 น. แหนะ เราก็หาอะไรรองท้องกันไปก่อน ไปหากินแถวริมสะพานข้ามไปยังอีกฝั่งนั่นแหละครับผม

หลายร้านแม้จะจัดโต๊ะอะไรแล้ว แต่เขายังไม่เปิดให้บริการนะครับ เราเดินเข้าร้านเก้อหลายร้าน ฮ่าๆ สำหรับการเดินทางไปล่องเรือนั้น พวกเรานั่งรถแทรม ไปยังสถานนี Eminonu ครับ

อาหารบ้านเค้าครับ ถามว่าอร่อยไหม ก็พอได้ครับ ตัวข้าวนะ เพราะเอาน้ำพริกจากไทยไปด้วย ส่วนอันอื่นๆก็พอถูไถได้ครับ ไม่ถึงกับไม่อร่อย แต่ก็ไม่ถึงกับคำว่าอร่อย อธิบายไงดี เอาเป็นว่าไปแล้วคิดถึ้งคิดถึงอาหารไทยครับ

ทริปนี้มีสาวติดไปด้วยครับ นานๆทีจะมีผู้หญิงเดินทางด้วย ขอลงภาพสักภาพครับ 55

สำหรับการล่องเรือนี้พวกเราก็ไม่ได้จองล่วงหน้านะครับ มีคนมาเสนอขายทัวร์ เราก็ซื้อเลยในราคาคนละ 7 Euro สำหรับราคาค่าล่องเรือก็แล้วแต่จังหวะนะครับ ลองต่อรองราคากันดูครับ

ตอนแรกนั้นเราก็ขึ้นเรืออีกลำ แต่เหมือนว่าคนจะน้อยเค้าก็เลยย้ายเราไปอีกลำแทน จากนั้นก็เริ่มออกเดินเรือครับ รอไม่นานสักเท่าไหร่

พอเรือเริ่มออก ความสนุกก็บังเกิดครับ หนึ่งในสมาชิกร่วมทาง “เมาเรือ” ครับ เรือเพิ่งออกและเกือบสองชั่วโมงต่อจากนี้ เพื่อนต้องนั่งพะอืดพะอมตลอดทาง ดังนั้นใครเมาเรือง่ายแนะนำเลยว่า กินยาแม้เมาไปก่อนเลยครับ ไม่งั้นหมดสนุกแน่นอนครับ

วิวสองฝั่งทะเลนั้นสวยงามมากครับ กิจกรรมการล่องเรือก็ไม่มีอะไรมาก นั่งชมวิวไปเรื่อยๆ รับลมเย็นๆที่พัดปะทะหน้า แต่แสงแดดอันเจิดจ้ายามเที่ยงวันก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน จริงๆผมคิดว่ากิจกรรมล่องเรือช่วงเย็นน่่าจะสบายกว่าครับ ไม่โดนแดดเผา ฝั่งที่มองเห็นภาพคือสั่งที่อยู่ทวีปเอเชียนะครับ มีสะพานเป็นตัวเชื่อม หอคอยโดดเด่นนั้นคือ Galata Tower ครับผม

สถาปัตยกรรมที่นี่ก็โดดเด่นมากครับ มีมัสยิด มีพระราชวัง สมแล้วกับที่เป็นเมืองอันรุ่งโรจน์มาช้านาน

สำหรับท่านใดที่ชอบสถาปัตยกรรมยุโรปก็น่าจะชอบกิจกรรมล่องเรือนี้นะครับ นั่งชิลๆ ดูวิวเพลินๆไปครับ

 

มีมัสยิดริมทะเลด้วยครับ ที่นี่มัสยิดเยอะมาก ก็อารมณ์เหมือนมาเมืองไทยแล้ววัดวาอารามเต็มไปหมด แต่ผมก็ชอบนะครับ ไม่ค่อยได้มีโอกาสเข้ามัสยิดสักเท่าไหร่

ชมวิวไปเรื่อยๆครับ ไม่รู้จะบรรยายอย่างไรดี เพราะมันคือทริปล่องเรือ ฮ่าๆ

ผ่านไปสักพัก โอ้โห แดดแรงมากครับ ผมเลยขอผ้าพันคอน้องมาพันรอบตัว ทำให้กลายเป็นจุดเด่นในเรือเลย ผมไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายนะ ผมแค่ร้อน!!

พอกลับมาถึงฝั่ง ก็มานั่งรถแทรมต่อครับ เป้าหมายต่อไปคือจะไปพระราชวัง Dolmabahçe Palace ครับ นั่งไปลงสถานี KABATAS

พระราชวังแห่งนี้ใช้บัตร Pass Museum ไม่ได้นะครับ ต้องซื้อแยกต่างหาก 90 รีล่าครับผมสำหรับเข้าชมทั้งพระราชวังและฮาเร็ม แต่ถ้าซื้อแยก ค่าเข้าพระราชวัง 60 รีล่า และค่าเข้าฮาเร็ม 40 รีล่าครับ ที่นี่ห้ามถ่ายภาพครับ เลยไม่มีภาพข้างในมาฝากนะครับ แต่บอกเลยว่า อลังการมาก ยิ่งใหญ่จนทึ่งว่าทำไมร่ำรวยขนาดนี้ แค่ด้านนอกยังอลังการเลยครับ

พระราชวัง Dolmabahce สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 เป็นหนึ่งในพระราชวังที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลก เป็นศูนย์กลางการบริหารของจักรวรรดิออตโตมันตอนปลายและสุดต่านออตโตมันองค์สุดท้ายก็พำนักอยู่ที่พระราชวังแห่งนี้ครับ

หลังจากการจัดตั้งสาธารณรัฐตุรกีในเมืองอังการา, มุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก ก็ย้ายหน่วยงานภาครัฐทั้งหมดไปยังเมืองหลวงแห่งใหม่ที่อังการา แต่เมื่อเขาไปเยือนอิสตันบูลอาตาเติร์ก เขาใช้ห้องเล็กๆห้องหนึ่งพระราชวังแห่งนี้เป็นที่พำนักครับ โดยใช้พระราชวังนี้เป็นที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง สำหรับเป็นศูนย์บัญชาการ และการประชุมระดับชาติและนานาชาติครับ และอตาเติร์กก็เสียชีวิตที่พระราชวังแห่งนี้ด้วย เวลาที่จัดแสดงในพระราชวังในห้องที่ท่านเสียชีวิต ถูกหมุนไปเวลาที่ท่านเสียชีวิตครับ คือ 09:05 น. วันที่ 10 พฤศจิกายน 1938 ทุกปีในเวลานี้ ชาวตุรกีทั้งหมดจะยืนสงบนิ่งไว้อาลัยและรำลึกถึงวีรบุรุษของพวกเขา

จริงๆแล้ว ตอนที่เราล่องเรือผ่านช่องแคบบอสฟอรัส เราก็จะเห็นพระราชวังนี้เด่นชัดมากเลยครับ คือมันสวยโดดเด่นออกมาเลย พระราชวังแห่งนี้มีความยาว 600 เมตร ใช้เวลาในการก่อสร้าง 13 ปี  สร้างเสร็จในปี 1856 ใช้เป็นศูนย์กลางบริหารจัดการของจักวรรดิออตโตมันถึงปี 1922

พระราชวังแห่งนี้ได้รับมอบหมายให้มีการก่อสร้างโดยสุลดต่าน อับดุลเมอซิด (Abdülmecid) ซึ่งเป็นคนที่ตัดสินใจว่าเราควรจะมีพระราชวังแห่งใหม่ ที่นอกเหนือจาก Topkapi และพระองค์ก็ชอบสถาปัตยกรรมแนวยุโรปมากๆ โดยให้สถาปนิกชาวอาร์เมเนียและลูกชายเป็นคนออกแบบครับ พระราชวังแห่งนี้สวยงามน่าทึ่งเป็นอย่างมาก เพราะมีการใช้สถาปัตยกรรมหลากหลายมาใช้ร่วมกัน ได้แก่ สไตล์บาร็อค โรคโคโค นีโอคลาสิคลั และออตโตมันสมัยใหม่ แบบเห็นแล้ว ต้องร้องว้าวในความหรูหรากันทุกคนเลยครับ

เนื่องจากข้างในห้ามถ่ายภาพ เลยเอาภาพจากอินเตอร์เน็ตมาช่วยเล่าเรื่องละกันนะครับผม

Credit: https://www.istanbulclues.com

ตอนเข้าไปข้างในมีหลายส่วนที่ผมร้องว้าวเลยครับ เช่นห้องที่ใช้แก้วคริสตัลประดับประดา มันหรูสุดๆ หรือโคมระย้าขนาด 4.5 ตันในห้องโถงพิธี อันเป็นของขวัญจากสมเด็จพระราชินีวิกตอเรียและถือว่าเป็นโคมระย้าคริสตัลโบฮีเมียที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยครับ

Credit: https://istanbultourstudio.com

ภาพด้านบนผมเอามาจากเว็บการท่องเที่ยวอิสตันบูลนะครับ เนื่องจากเค้าห้ามถ่ายภาพ เลยหาภาพมาประกอบอยากให้เห็นภาพมากขึ้นครับ คือนอกจากพวกบรรดางานแกะสลักที่สวยงาม โคมไฟระย้าที่มลั่งเมลื่องแล้ว ยังมีรูปภาพที่เป็นบรรดาภาพวาดที่ดีที่สุดในยุคปลายศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 ครับ ข้อมูลมีบอกไว้ว่ามีทั้งหมด 202 ใบเลยทีเดียว

Credit: https://istanbultourstudio.com

ว่ากันว่า การสร้างพระราชวังแห่งนี้ใช้งบประมาณมหาศาลมากๆ เยอะขนาดเทียบกับใช้ทองเป็นตัน และเป็นต้นเหตุที่ทำให้การเงินมีปัญหา และนำมาซึ่งการล่มสลายของจักรวรรดิออตโตมันในที่สุดครับ โดยเฉพาะห้องสุดท้ายนั้น มันเหมือนสวรรค์มากๆ

 

Credit: https://bit.ly/2KTyBxb

และนี่คือห้องสุดท้ายครับ ห้องเซเลสเชียล ของจริงมันยิ่งใหญ่มากๆ มากแบบไม่ไหวแล้ว ทำไมสร้างได้อลังการขนาดนี้นะ เป็นพระราชวังที่ห้องสวยที่สุดที่เคยเจอในชีวิตครับ ผมกับเพื่อนชาวตุรกีพากันยืนอึ้งไปนานมาก เพื่อนชาวตุรกีพูดว่า ตัวเขาเองก็ยังนึกไม่ถึงว่ามันจะอลังการได้ขนาดนี้ เป็นหนึ่งในความภูมิใจของพวกเค้าที่มรดกทางสถาปัตยกรรมที่สวยงาม แต่ก็แลกมากับความฟุ้งเฟ้อ เพราะค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาสูงมากเช่นเดียวกันครับ

เที่ยวพระราชวังเสร็จแล้ว พวกเราก็เดินทางไปยัง Taksim Square ครับ แต่อยู่แป็บเดียว เพราะคนเยอะมาก และสูบบุหรี่จัดมาก เราเลยพากันเดินเล่นไปอีกที่แทนครับ ก็เจอโบสถ์นี้โดยบังเอิญ สวยมากๆ ชื่อว่าโบสถ์ Hagia Triada Church เป็นโบสถ์ยุคกรีกออธอดอกซ์ครับ สวยมากๆเลย ข้างในก็มีภาพเขียนสวยๆด้วยแต่เค้าห้ามถ่ายภาพครับ

วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่อิ่มเอบกับการเดินทางมากครับ เมืองอิสตันบูลเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ ผู้คนน่ารัก (ถ้าตัดเรื่องสูบบุหรี่จัดออกไป) เป็นเมืองที่มาแล้วอยากกลับมาอีกครับ เพราะมีหลายที่มากที่ผมยังไม่ได้ไป ถ้ามีโอกาสจะกลับมาแน่นอนครับ เดี๋ยวตอนหน้าเราจะย้ายไปยังเมืองใหม่แล้วครับ รอติดตามกันนะครับผม ^^

 

EN / FR

© Copyright BackpackStory.com.

Close