ไปเที่ยวคนเดียว เหงาบ้างไหม? สำหรับผม ผมไม่เคยเหงาเลยนะครับ อาจจะเพราะโดยส่วนตัวผมเป็นคนชอบชวนคนอื่นพูดอยู่แล้วด้วย ฮ่าๆ ชอบ make friend กับคนข้างๆ ผมว่าการเดินทางถ้าเราทำตัวให้เหงามันก็เหงาครับ
ทริปส่วนใหญ่ของผม แม้ผมจะออกเดินทางคนเดียว แต่เอาเข้าจริงก็ได้เพื่อนร่วมทริประหว่างทางแทบจะทุกครั้งครับ
เมื่อเดินทางมากขึ้น ทำให้ผมได้รู้มากขึ้นว่า ถ้าจะเที่ยวแบบไม่ให้เหงานั้น ทำอย่างไร มาดูกันครับ
1. เลือกที่พักแบบ Hostel หรือ Dormitory
การเลือกที่พักก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่คนกลัวเหงาน่าจะรู้ไว้ นั่นก็คือถ้าคุณเลือกที่พักแบบ Hostel หรือ Dormitory คุณจะได้เพื่อนใหม่เยอะมากๆ แถราคาก็ถูกด้วยสำหรับคนที่เดินทางคนเดียว (ถ้าหากคุณไปเป็นกลุ่มก้อน และไม่ชอบนอนห้องรวมกันหลายคน ผมแนะนำให้นอนโรงแรม เพราะอย่างน้อยคุณนอนสองคนกับเพื่อน ก็หารค่าห้องกันได้ โรงแรมเค้าคิดต่อห้อง แต่ Hostel เค้าคิดต่อเตียงครับ)
ข้อดีของการนอน Hostel เราจะได้เจอเพื่อนๆที่ชื่นชอบการเดินทางแนวเดียวกัน มีโอกาสได้รู้จักและแลกเปลี่ยนเรื่องราวในชีวิต
วันแรกๆที่ผมไปที่เกาะลันตา ผมได้เพื่อนใหม่สามคน (คือตอนนั้นทั้ง Hostel มีแขกแค่นี้ เพราะมันหน้าโลว์) เป็นสาวจากอังกฤษ หนุ่มอิตาลี และหนุ่มมาเลเซีย ถ้ารวมผมด้วยก็คือหนุ่มไทยบ้าน ฮ่าๆ
สามคนในกลุ่มเรานั้นเป็น Designer! สาวอังกฤษ เป้น Illustrator ให้กับแบรนด์เสื้อผ้า Paul Smiths ผมเป็น Web Designer และเพื่อนมาเล เป็น Printing Illustrator เวลาคุยกันเรื่องดีไซน์นี่ออกรสชาติมาก ส่วนหนุ่มอิตาลี ก็จะแซวประมาณว่า ใช่ซี้ ผมมาอยุ่กับกลุ่มพวกนักออกแบบ ผมมันแกะหลงฝูง ฮ่าๆ
เรื่องสนุกอีกอย่างของการได้นอน Hostel คือ เพื่อนที่มาพักจะมาจากหลากหลายที่ สำเนียงภาษาจะมีเอกลักษณ์ไปตามแต่ละท้องถิ่น
ค่าที่นอนใน Hostel ก็ราคาไม่แพงถ้าเราไปคนเดียวนะครับ ราคามีตั้งแต่ 140 บาทขึ้นอยู่กับคุณภาพของ Hostel แต่ถ้าให้ผมแนะนำ ผมแนะนำให้คุณมองหาที่พัก ที่มันดูสมเหตุสมผล ดูเรื่องความปลอดภัย สถานที่ตั้ง อย่าเน้นถูกจนมองข้ามความปลอดภัยในชีวิตไปครับ เพื่อนจากแคนาดาคนหนึ่งเคยถูกขโมยกล้อง GoPro ตอนพักในโฮสเท็ลที่อินโดนีเซีย หรือเพื่อนสวีเดนคนหนึ่งไปพักที่พักคืนละ 140 บาท แต่ดูสภาพแล้ว อืม 140 บาทยังแพงไปด้วยซ้ำสำหรับความคุ้มค่าที่ได้กลับมา
** สำหรับภาพนี้คือห้องพักใน Hostel ที่ผมไปพักครับ
แถมอีกนึดเรื่องความปลอดภัยในการพักที่ Hostel เพราะหลายท่านยังไม่มีประสบการณ์การนอนห้องรวม ก็กังวลว่าของจะหายหรือเปล่า โดยทั่วไปเค้าจะมี Locker ส่วนบุคคลให้เราครับ เราก็เอาของมีค่าไปใส่ไว้แล้วก็ล็อคไปเลย โอกาสหายก็มีน้อยมากครับผม
เว็บไซต์ที่ผมแนะนำสำหรับการจองที่พักคือเว็บ www.booking.com กับเว็บ www.hostelworld.com ครับ แต่ถ้าไปจองหน้าที่พักเลย ผมแนะนำให้ไปดูเรื่องสภาพห้องนอน เตียง ห้องน้ำ ก็ดีนะครับ อย่างเช่น Hostel ที่เมืองจีน ห้องจะสะอาด แต่ห้องน้ำอาจจะไม่อภิรมย์สักเท่าไหร่ ฮ่าๆ
2. หาเพื่อนระหว่างทาง
ไปเที่ยวคนเดียว ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเดินทางเที่ยวทุกที่คนเดียวนี่ครับ เราสามารถหาเพื่อนใหม่ได้ และถ้าเพื่อนใหม่มีนิสัยคล้ายๆกัน เราก็ชวนกันไปเที่ยวด้วยกันเลย อย่างเช่นตอนผมไปเที่ยวจีน ผมก็ได้เพื่อนใหม่ร่วมเดินทางเป็นอาตี๋ในโฮสเท็ล เราไปเที่ยวแบบผจญภัยสนุกมาก ได้ผ่านเส้นทางที่เป็นเส้นทางเฉพาะคนในหมู่บ้านที่ใช้กัน หรือไปเที่ยวเกาะลันตา ผมก็ได้เพื่อนใหม่ชาวมาเลเซีย เราสองคนซ้อนมอไซต์ขับกันรอบเกาะ ไปพายเรือคายัคกันที่เกาะรอบๆ ก็สนุกไปอีกแบบ
ยิ่งถ้าคุณพักใน Hostel อย่างที่ผมพูดถึงในตอนต้น คุณอาจจะชวนรูมเมทไปเที่ยวด้วยกันก็ได้นะครับ
อย่างไรก็ดี การมีเพื่อนเที่ยวต้องเอาให้แน่ใจว่านิสัยเข้ากับได้ อย่างผมเป็นคนชอบถ่ายรูป ใช้เวลาในแต่ละที่นาน บางทริปผมก็เลยเลือกที่จะไปเที่ยวแต่ละที่คนเดียว เพราะไม่อยากให้คนอื่นรอ แต่พอกลับมาที่พักจะไปทานข้าวกัน ก็นั่นแหล่ะครับค่อยไปจอยกัน
3. เที่ยวให้ช้าลง
แต่ละคนมีแนวทางการเดินทางที่แตกต่างกันไปนะครับ หลายคนจะเน้นเที่ยวให้หลากหลายสถานที่ แต่ละที่อาจจะไม่นาน หลายคนก็เลือกที่จะเที่ยวแบบเจาะๆ ให้อิ่มในอารมณ์ ผมเป็นพวกประเภทเจาะๆให้อิ่มเอมในแต่ละที่ครับ การท่องเที่ยวนอกจากจะได้ไปเห็นภูมิทัศน์ของสถานที่นั้นๆแล้ว การได้พบปะผู้คนที่นั่นก็เป็นอีกเรื่องที่สร้างความประทับใจให้เราได้ครับ อย่างเช่นผมไปเที่ยวบาหลี ทำไมผมกลับไปซ้ำแล้วซ้ำอีก ผมกลับไปเพราะผมมีมิตรภาพดีๆที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางครับ
เที่ยวให้ช้าลง หมายถึงการเที่ยวแบบเก็บเรื่องราวให้มากขึ้น ได้สัมผัสความเป็น “สิ่งๆนั้น” มากกว่าเดิม การเที่ยวแบบเร่งรีบ หลายครั้งเราจะพลาดโอกาสให้การรู้จักเพื่อนใหม่ๆ สถานที่ใหม่ๆ
ยกตัวอย่างนะครับ ตอนที่ผมไปเที่ยว Zhangjiajie แม้ผมจะเคยไปมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่รอบที่สอง ผมกลับได้เจอสถานที่เที่ยวใหม่ๆ มันเป็นอะไรที่สุดยอดมาก คือผมไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันมีสถานที่แบบนี้อยู่ในเมืองนี้ด้วย เพราะไม่เคยเห็นในหนังสือนำเที่ยวมาก่อน (หมายถึงที่ผมอ่านนะครับ) นี่แหล่ะครับ หลายๆครั้งการที่เราใช้เวลาในแต่ละจุดให้ช้าลง ก็จะได้เจออะไรใหม่ๆด้วย
ทั้งหมดนี่เป็นทริคเล็กๆน้อยๆที่ผมเรียนรู้จากการเดินทางคนเดียว
หากใครที่กำลังจะเดินทางลุยเดี่ยวแล้วกลัวเรื่องความเหงา ก็ลองเอาเทคนิคผมไปใช้ดูนะครับ 🙂