ไม่ใช่สายปาร์ตี้…ทำอะไรดีที่เกาะพะงัน 4 วัน 3 คืน

July 25, 2017
Scroll Down

อะไรนะ? เกาะพะงันนะหรือ? มันเกาะสำหรับคนชอบปาร์ตี้ ไปเที่ยวฟุลมูลกันไม่ใช่หรือ? สำหรับผมแล้วเกาะแห่งนี้ถือว่าเป็นเกาะที่ไม่เคยอยู่ในหัวสมองว่าจะไปเที่ยว เพราะก็เข้าใจมาตลอดว่ามันเป็นเกาะเน้นความบรรเทิงสำหรับคนที่ชอบแดนซ์ชอบกิจกรรมเข้าจังหวะ แต่ผมไม่ใช่คนชอบเที่ยวปาร์ตี้นี่สิ แล้วอยู่ๆผมก็ต้องมีเหตุให้ไปพะงันตั้ง 4 วัน 3 คืน แล้วผมจะทำอะไรดีละครับเนี่ย

ผมได้รับการติดต่อมาจากลูกค้าของผมครับ ว่าต้องการจะทำโปรเจ็คสักอย่างหนึ่ง แล้วก็นัดผมว่า สนต้องมาดูเองถึงจะเข้าใจ เราจึงนัดเจอกันที่เกาะพะงันครับ และนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องไปเกาะพงันแบบเลี่ยงไม่ได้ และการเดินทางครั้งนี้แหละครับ ทำให้ผมมองเกาะพะงันเปลี่ยนไป เพราะมันต่างจากที่ผมคิดไว้มาก!!

การเดินทางไปเกาะพะงันนั้นทำได้ได้หลายวิธีครับ ผมสะดวกที่สุดก็คือทางเครื่องบิน เพราะผมช่วงนี้ตารางทำงานก็แน่นมาก เลยไม่อยากเสียเวลานั่งรถไกลๆ (ถ้าไม่จำเป็น) และหลังจากนัดแนะกันเรียบร้อยแล้ว ผมก็เลือกบินลงที่สนามบินนครศรีธรรมราชครับ เพราะจะมีคนมารับที่สนามบิน และขับรถไปยังท่าเรือเฟอร์รี่ดอนสัก ผมใช้เวลาบนรถจากนครศรีธรรมราชไปยังท่าเรือ ประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นก็รับบัตรคิว เพื่อรอขึ้นเรือรอบ 16:00  น. ครับ พอได้ขึ้นเรือแล้วก็ใช้เวลาอีกราว 2.30 ชั่วโมง แล้วก็ขับรถไปยังที่พัก

ผมมีคำแนะนำครับว่า ควรจองคิวไว้ในอินเตอร์เน็ตก่อนจะเร็วมาก ไม่อย่างนั้นการมารอรับบัตรคิวหน้างานวุ่นวายมาก ไม่ต่างอะไรจากการบริการของ BTS ที่ต่อคิวหลายจุดครับ  เกาะนี้เราเอารถลงเรือไปได้นะครับ ค่าบริการก็เช็คดูได้จากเว็บนี้นะคับ

http://bit.ly/2vWGXek

ด้วยความที่ระยะทางระหว่างแผ่นดินใหญ่กับเกาะพงันมันค่อนข้างจะไกลหน่อย ดังนั้นวันแรกของผมจึงหมดไปกับการอยู่บนยานพาหนะครับ แต่เมื่อมาถึงเกาะพะงันมันก็เย็นมากแล้ว สิ่งที่ผมต้องทำในวันนี้ก็คือเข้าสู่ที่พักครับผม ซึ่งผมก็พักอยู่ที่ วังไทร การ์เดนท์ ครับ ที่พักที่เป็นรีสอร์ทเป็นหลังๆ บรรยากาศดีมาก แต่ราคาผมว่าถูกมากๆนะครับ

เรทที่พักนั้น ห้องแอร์ ช่วงหน้า High Season ห้องละ 1,200 บาท หน้า Low Season ห้องละ 1,000 บาท ส่วนห้องพัดลม หน้า High Season ห้องละ 600 บาท หน้า Low Season ห้องละ 400 บาท หนึ่งห้องนอนได้ 2 คนครับ สภาพห้องโอเคมาก วิวสวยสุดๆ แต่ไม่มีทีวีนะครับบอกไว้ก่อน ซึ่งสำหรับผมนั้นก็แทบจะไม่เคยเปิดทีวีเลยในสิบปีให้หลังของชีวิตที่ผ่านมา จึงไม่ใช่ประเด็นอะไร

หลังจากเข้านอนเก็บแรงกันแล้ว ผมก็ตื่นตั้งแต่เช้าครับ เพื่อจะไปเดินเล่นหน้าชายหาดที่อยู่ห่างจากรีสอร์ทประมาณ 300  เมตร  ผมออกไปถึงหน้าหาดประมาณ 6.30 น. มันเงียบมากๆ ไร้ผู้คน ผมเดินทอดน่องอยู่คนเดียว ฟังเสียงคลื่นซัดสาดกับชายฝั่ง มองออกไปยังท้องทะเลกว้างใหญ่ ที่มีเรือจอดเรียงรายบ้าง และนอกจากนี้หาดนี้ยังมีชายหาดทอดตัวยาวเชื่อมไปยังเกาะใกล้ๆด้วยครับชื่อว่า เกาะม้า  ผมเองก็เลยเดินไปเรื่อยๆ

ผมเดินทอดน่องอะโลน + โลนลี่ไปเรื่อยๆครับ มาทะเลคนเดียวนี่มันช่างว้าเหว่วุ้ย ฮ่าๆ หาดแห่งนี้ทรายสวยมากครับ ด้วยความที่มันเช้ามากๆด้วยทำให้ยิ่งสงบเข้าไปใหญ่ ผมก็เดินลัดเลาะเป็นผู้บ่าวขาเลาะชายหาดไปลำพัง สายตาผมพุ่งตรงไปยังเกาะม้าที่อยู่ด้านหน้า ผมมองเห็นโขดหินขนาดใหญ่สีสวยที่เกาะนั้น และผมคิดว่าผมจะไปถ่ายรูปที่นั่นสักหน่อย

ที่เกาะม้านั้น มีหินประหลาดๆอยู่เต็มไปหมดเลยครับ มันดูเหมือนหินที่มีซากฟอสซิล หรือบรรดาปะการังเกาะติดอยู่ ผมก็ถ่ายภาพมาจำนวนหนึ่ง เป็น stone’s texture สวยๆ

โขดหินที่อยู่เบื้องหน้าตั้งตระหน่านล่อตาล่อใจผมมากครับ ผมคิดในใจว่า เดี๋ยวตรูจะปีนขึ้นไปถ่ายรูปสักภาพ แต่ว่า…ผมมาคนเดียว พกกล้องมือถือมา จะถ่ายภาพยังไงดีหว่า นี่สินะความลำบากของคนไปเที่ยวคนเดียว จะหาภาพตัวเองในเฟรมก็ยาก ครั้นจะให้ตั้งกล้องถ่ายภาพเองก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้น เห้อ

หินนี้ดูไปดูมาก็มีความคล้ายๆกับหินภูเขาสีรุ้งที่เมืองจางเย่ว์ ประเทศจีนนะครับ เพียงแต่ว่ามีขนาดย่อมกว่ามาก ผมก็ใช้ทักษะลิงค่างที่ติดตัวมา รีบปีนป่ายขึ้นไปชมวิวด้านบน เมื่อไปถึง โอ้โห น้ำทะเลสวยเลย กดชัตเตอร์รัวๆ

จริงๆก็อยากจะมีภาพตัวเองสักภาพในมุมนี้นะครับ แต่ทำไม่เป็นไง เลยถ่ายได้แต่ขา ฮ่าๆ เอาวะ อย่างน้อยก็ได้ส่วนหนึ่งของร่างกายก็ยังดี  ขณะนี้เวลาผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วโมง ก็ยังไม่มีมนุษย์แวะมาเลย ยังมีผมคนเดียวนั่งชมวิวอยู่เงียบๆ ผมเริ่มแปลกใจว่า ทำไมเกาะนี้มันเงียบจังวะ ปกติมันก็ต้องเต็มไปด้วยฝรั่ง หรือนักท่องเที่ยวสิ หรือเขายังไม่ตื่นนอนกัน?

หลังจากที่ดื่มด่ำความงามของบรรยากาศยามเช้าอยู่คนเดียวเสร็จแล้ว ผมก็เดินกลับไปยังที่พัก เพื่ออาบน้ำอาบท่าครับ กิจกรรมหลักในวันนี้ก็คือ “บรีฟงาน” กับลูกค้าครับ แต่ว่า… เราใช้เวลากันประมาณชั่วโมงเดียว ฮ่าๆๆ แล้วที่เหลือละ? ผมก็ไม่รู้จะทำอะไร แถมยิ่งแดดเริ่มออก ความร้อนชื้นก็เริ่มมาครับ ผมเลยคิดว่าเดี๋ยวช่วงก่องเที่ยงจะเดินเล่นในรีสอร์ทนี้ก่อนละกัน เพราะมันมีพื้นที่ใหญ่มาก แล้วเขามีกิจกรรมข้างในน่าสนใจหลายอย่างครับ อาทิเช่น Zipline  และบ้านต้นไม้

บ้านต้นไม้ที่ชื่อว่า Tarzarn House ครับ ตั้งอยู่บนต้นไม้ที่ต้องเดินขึ้นไปสูงมาก บ้านหลังนี้เป็นหนึ่งในจุดพักของคนที่เล่น Zipline ซึ่งถ้าหากใครเล่นก็จะได้ไปขึ้นบ้านหลังนี้ฟรี แต่ถ้าไม่ได้เล่น ก็เสียค่าขึ้น 50 บาทครับ จัดได้ เกาะนี้ค่าครองชีพไม่แพงเลย

ผมเองก็ขึ้นไปชมวิวบนบ้านทาร์ซานด้วยครับ สวยเลย ตอนนี้ทีรีสอร์ทนี้กำลังจะปรับปรุงพื้นที่ด้วยครับ คนมารอบหลังก็น่าจะเห็นวิวสวยกว่านี้ ข้างในรีสอร์ทมีน้ำตกส่วนตัวอีกต่างหาก แต่คนก็น้อยมาก ช่างผิดกับสภาพความไฮโซโก้เก๋ของสถานที่มากๆ ส่วนหนึ่งก็น่าจะเป็นเพราะว่าเจ้าของรีสอร์ทอินดี้ครับ ไม่ได้โปรโมทอะไรมาก มันจึงเหมาะอย่างยิ่งกับคนที่ชอบความสันโดษ อยากหลีกหนีความวุ่นวาย มาใช้ชีวิตสงบๆอยู่บนเกาะท่ามกลางป่าไม้ ทะเล และน้ำตก

ภาพมุมสูงของ “ส่วนหนึ่ง” ของรีสอร์ทครับ ภาพที่เห็นนี่น่าจะ 1/3 ของทั้งหมด เป็นรีสอร์ที่พื้นที่ใหญ่โตเวอร์วังจริงๆ และวันนั้น ก็มีผมคนเดียวครับที่เป็นแขก 555

อย่างที่บอกไปครับว่า พื้นที่มันใหญ่มาก มันจึงมีอะไรให้ดูเยอะ เช้าของวันแรกที่เกาะพะงันผมจึงลัดเลาะแถวๆนี้นี่แหละ ถ้าใครมากับเพื่อน แล้วชอบถ่ายรูป ผมว่ามันมีมุมสวยๆเต็มไปหมดเลย อย่างในภาพนี้ก็เป็นลานที่เจ้าของรีสอร์ทบอกว่าจะเอาไว้จัดกิจกรรมครับ ด้านหน้าเป็นน้ำตก ลำธาร และมีกระท่อมสำหรับให้แขกพักผ่อนด้วย  จะเอาเปลไปผูกนอนอ่านหนังสือก็ได้

ที่เขียนถึงรีสอร์ทนี้เยอะหน่อย ก็เพราะว่าขลุกอยู่กับแต่ที่นี่หนะครับ 55 แต่ไม่เป็นไร กลัวเบื่อกันก่อน เดี๋ยวพอผ่านช่วงเช้าไปแล้ว ตอนบ่ายผมก็จะไปอีกที่ครับ ไปดูว่าเกาะแห่งนี้มันมีอะไรบ้าง ผมชักเริ่มติดใจแล้วสิ เพราะมันต่างจากที่ผมคิดไว้มาก ไม่นึกว่ามันจะเงียบได้ขนาดนี้ เอาจริงๆ พอวันสุดท้ายผมก็นึกว่าเป็นเกาะร้างไร้ชื่อเสียงเสียด้วยซ้ำ เจอนักท่องเที่ยวน้อยมากๆ ไม่รู้ว่าเพราะเป็นหน้า Low หรือเปล่า  แต่จากที่คุยกับเจ้าของรีสอร์ท และคนที่ทำงานที่นี่เขาก็บอกว่ามันก็เงียบๆแบบนี้อยู่แล้วนะ เพราะเกาะพงันจะแบ่งที่พักออกเป็น 3 โซน คือ โซนกลุ่มวัยรุ่นที่มาเที่ยวปาร์ตี้ โซนนั้นก็จะมีเสียงดังอึกทึกครึกโครมในช่วง Full moon party, half moon party และ Black moon party  โซนที่สองจะเป็นโซนที่คนชอบความเป็นวิเวก ไม่ชอบอะไรที่จอแจ และที่พักก็จะเป็นราคาที่เอื้อมถึงได้ (หรือพูดอีกแง่หนึ่งก็คือ แข่งกันตัดราคานั่นแหละ ห้องพักราคาแต่ละที่ผมเห็นแล้วยังแอบคิดว่า เอากำไรจากไหนวะ) ซึ่งก็เป็นโซนที่ผมอยู่นั่นแหละครับ แถวๆหาดแม่หาด มีที่พักตั้งแต่ 190 บาทเลยจ้า (หน้าโลว์)  และโซนที่สาม เหมาะกับพวกคนมีเงินถุงเงินถังครับ ที่พักก็คืนละหมื่นอัพ ซึ่งจริงๆผมก็คิดว่าผมควรจะไปพักที่นั่นแหละครับจึงจะสมกับฐานะ แต่ลูกค้าผมบอกว่า พักที่รีสอร์ทเขาดีแล้วประหยัดตังค์ ผมก็เลยไม่ได้ไป (อ้าว หมอเรียกทานยาแล้วครับ ฮ่าๆๆ)

ต่อมาเป็นกิจกรรมยามบ่ายครับ หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ผมก็นั่งรถมาที่ “หาดสน” ครับ เป็นร้านอาหารชื่อว่า “เกาะราฮัม”  ผมมาที่นี่เพราะมีคนพามาครับ ความรู้เรือ่งเกาะพะงันผมเป็นศูนย์

พอมาถึง โอ้วมายหลอดดดด สวยมากกกก น้ำทะเลใสกิ๊ง แล้วเป็นร้านอาหารที่ยื่นไปในทะเลนิดๆครับ ทำให้คนที่มากินข้าวแถวนี้สามารถว่ายน้ำรอบได้เลย มันคือสระว่ายน้ำธรรมชาติดีๆนั่นเอง น้ำใสสุดๆ ปลาทะเลแหวกว่ายเต็มไปหมด

ดูสิครับดู น้ำทะเลใสจริงๆครับ ไม่ได้โม้เลย เห็นแล้วอยากลงไปแจม แต่ไม่ได้เตรียมกางเกงว่ายน้ำมา เลยนั่งดื่มน้ำปั่นชมวิวไปแทนครับ ค่าน้ำปั่นร้อยนิดๆ ก็ถือว่าโอเคครับสำหรับค่าใช้จ่ายบนเกาะ เอาจริงๆผมว่ามันก็สมเหตุสมผลรับได้ครับ  ระหว่างนั้นผมก็นั่งดูนักท่องเที่ยวที่มาเดินเล่นบนชายหาดนั้น ซึ่งก็นับจำนวนได้เลย น้อยมาก คนหายไปไหนกัน!! เกาะที่ขึ้นชื่อเรื่องปาร์ตี้ มันควรจะมีแต่นักท่องเที่ยวโผล่มาไม่ใช่เรอะ!

ทริปนี้ใช้ภาพจากกล้องมือถือ Huawei P9 นะครับ ยกเว้นภาพมุมสูงที่ใช้ Drone ถ่าย กล้องใหญ่ที่พกมา สรุปเอามาเป็นพร๊อบครับ ไม่ได้แตะเลย ฮ่าๆ กล้องมือถือสมัยนี้ก็ถายภาพได้โอเคแล้วสำหรับการเอามาลง Social Media ผมก็ขอมีภาพตัวเองบ้าง ถ่ายแบบเหงาๆ เพราะเราไร้คู่ ฮือๆ

จากนั้นผมก็เดินทางกลับไปยังที่รีสอร์ทครับ ผมจะไปเล่นตัวนี้ครับ Zipline กิจกรรม Adventure ที่เสียวดี เหมาะสำหรับคนที่ชอบความสูง และที่สำคัญราคาไม่แพงอย่างที่คิดครับ อยู่ข้างในรีสอร์ทนั่นแหละครับ วันนี้ผมเล่นแบบโหนไปรอบเดียวครับ ราคา 300 บาท  ซึ่งจริงๆเขาก็มีหลายแบบนะครับ แล้วแต่กำลังทรัพย์และเวลา นั่นก็คือแบบรอบเดียว 300 บาท แบบสองรอบ (ไป กลับ คนละสลิง) 1,000 บาท และแบบ Full round adventure มีสลิงแบบเด้งกลับมาตรงกลางห้อยต่องแต่งที่ความสูง 20 กว่าเมตร แล้วค่อยๆไหลกลับ เห็นสตาฟบอกว่ามีที่เดียวในไทยมั้งครับ แบบนี้ก็จะจ่าย 1,300 บาท (คือได้เล่นทุกอันที่พูดมา) สำหรับผมผมก็ว่ามันคุ้มนะ

เล่นเสียวเสร็จแล้ว ก็ไปเดินที่ชายหาดอีกรอบเพื่อรอดูพระอาทิตย์ตกดินครับ หาดที่ไร้ผู้คน ฮ่าๆ ถ่ายรูปเพลินเลยครับ ทรายสวย น้ำทะเลดี ต้นไม้เยอะมาก คือต้นไม้อย่างกะอยู่บาหลี โดยเฉพาะต้นมะพร้าว มีเต็มเกาะเลยครับ

ถ่ายภาพกับทะเลบ้าง ร้านนี้ก็มีคนนั่งประมาณ 6 คนครับ เงียบไปอีก! ดีครับดี ผมชอบเกาะเงียบๆแบบนี้ 55 วันนี้ดูทีท่าฟ้าเริ่มมีเมฆหนาจัด ผมคงไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าที่โพ้นทะเลแน่ๆ

กิจกรรมเที่ยวเต็มวันวันแรก  จึงหมดไปกับการที่เริ่มต้นด้วยทะเล และจบลงด้วยทะเล …

เช้า … หาดแม่หาด เดินไปเกาะม้า

ช่วงเช้า … เดินเล่นในรีสอร์ทวังไทร การ์เดนท์

ช่วงบ่าย … ไปเที่ยวที่หาดสน ไปร้านอาหารเกาะราฮัม ทะเลสีสวยมาก

ช่วงบ่าย … เล่น Zipline

ช่วงเย็น … กลับมาหาดแม่หาด ถ่ายภาพเหงาๆเคล้าเสียงคลื่น

อำลาค่ำคืนนี้ด้วยการ ไปซื้อปลาสดๆจากชาวประมงครับ เป็นปลาทะเลตัวใหญ่ ลักษณะเหมือนปลาทู ซึ่งผมดันจำชื่อไม่ได้แล้วครับว่าชื่อปลาอะไร สดมากๆ ราคากรีดร้องครับ ได้มาเกือบสิบตัว ราคา 400 บาทเอง  (ซื้อมาแบ่งกันกินที่รีสอร์ทนะครับ) เมนูเย็นนี้ก็คือปลาทะเลย่างไฟ  น้าคนในภาพเป็นคนจัดแจงช่วยจุดไฟ ย่างปลาให้ผมกินครับ ขอบคุณมากครับน้า  น้าพูดภาษาอังกฤษเก่งมาก เป็นคนดูแลและเป็นครูสอนกิจกรรม Adventure Zipline ครับ คนในวงการน่าจะรู้จักน้าดี ได้พูดคุยกับน้าก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างครับ ประสบการณ์ของน้ามีเยอะมากจริงๆ

พูดถึงน้าแล้วมีอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่ผมประทับใจกับคำตอบของน้านะ

เรื่องมันมีอยู่ว่า ตอนนั้นผมก็กำลังนั่งกินทุเรียนด้วยความเอร็ดอร่อยอยู่ที่ใต้ต้นไม้ในรีสอร์ท ก็มีฝรั่งสองคนเดินมาครับ บอกว่า ต้องการจะเล่น Zipline

ฝรั่ง : “I want to try but I think it is very expensive because I ever play at the other side of the island only 700 baht”.

แปล … ผมอยากเล่นนะ แต่ว่าผมว่ามันราคาแพงไป ผมเคยไปเล่นที่ฝั่งหนึ่งของเกาะราคา 700 บาทเอง

น้าได้ยินแบบนั้นก็ตอบด้วยความเป็นมิตรว่า (ผมแปลเลยละกัน)

น้า : “เราเข้าใจดีที่คุณบอกว่าราคามันสูงเมื่อคุณเทียบกับที่คุณเคยไปเล่นอีกที่ แต่คุณต้องอย่าลืมว่า ที่นี่มันไม่ใช่ที่นั่น Location ในการทำฐาน วิว ความสูง และรูปแบบการเล่น มันก็ไม่เหมือนกันเลย คุณลองดูรอบๆพื้นที่สิ มันเหมือนที่คุณไปเล่นไหม? ถ้าคุณต้องการเล่นแบบย่อมเยา เรามีแบบ Zipline One way ราคา 300 บาท ถ้าคุณอยากจะเล่นสองตัว ก็มีราคา 1,000 บาท และถ้าคุณอยากเล่นแบบบันจี้เด้งดึ๋งกลับมาด้วย ก็ราคา 1,300 บาท ซึ่งรูปแบบนี้มีเพียงที่นี่ที่เดียวด้วยซ้ำ ดังนั้นการที่คุณจะมาคอมเพลนเรื่องราคา โดยที่ไม่ได้มององค์ประกอบอย่างอื่น ผมจึงคิดว่ามันไม่ถูกต้อง ถ้าคุณต้องการเล่นแบบถูก เราก็มีให้เล่น ถ้าคุณต้องการเล่นแบบฟุลคอร์ส เราก็มีให้บริการ   การที่คุณมาพูดแบบนี้ไม่ต่างจากที่คุณเคยไปนอนโรงแรมสองดาว แล้ววันหนึ่งเดินไปยังโรงแรมห้าดาว แล้วพูดว่า ผมเคยไปนอนสองดาวราคาแค่นี้เอง  คุณเข้าใจที่ผมพูดใช่ไหมครับ?”

ฝรั่งได้ยินก็อึ้งไปสิครับ  ในฐานะของคนทำธุรกิจผมว่าน้าเป็นคนที่ตอบข้อสงสัยได้อย่างชาญฉลาดนะครับ คือน้าไม่ได้ใช้อารมณ์ในการตอบเลย เป็นผู้ใหญ่มากๆ ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นกลุ่มลูกค้าของเรา เป็นหนึ่งในกฎของการทำธุรกิจเลย เราต้องเลือกกลุ่มลูกค้าจริงๆครับ ถ้าเราจะเล่นตลาดกลุ่ม A เราก็จะไม่มองกลุ่ม B ด้วยซ้ำเพราะเขาไม่ใช่เป้าหมายของเรา โป๊ะเช๊ะมากๆ

ผมว่า 4 วัน 3 คืนนั้นน้อยเกินไปสำหรับการมาเที่ยวเกาะนี้ครับ เพราะเอาจริงๆ ผมได้เที่ยวเต็มที่แค่ 2 วันเอง วันแรกกับวันสุดท้ายคือใช้ชีวิตบนรถ เรือ กับเครื่องบินครับ  และพอผมตื่นมาอีกวัน ก็อ้าว วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้เที่ยวเต็มวันแล้วเหรอ โอเค งั้นผมก็เริ่มเที่ยวต่อครับ มาดูกันว่าผมจะไปไหนบ้าง

กิจกรรมวันนี้ก็เริ่มต้นด้วยทะเลอีกครับ ฮ่าๆ ก็รีสอร์ทมันติดทะเลนี่นา

จากนั้นก็ไปเล่น Zipline แบบ Full Course ครับ เอาให้ครบทุกฐาน ซึ่งมีสิบฐานครับ

งานปีนหน้าผาก็มาครับ ใส่รองเท้าแตะนี่แหละ ฮ่าๆ

จากนั้นก็เดินไปทะเลอีกรอบ วันนี้ผู้คนเริ่มเยอะขึ้นครับ เมื่อเทียบเมื่อวาน แต่ก็ไม่ใช่เยอะจนแน่นหนา มันเยอะเชิงเปรียบเทียบเฉยๆ อ่ะ ถ่ายภาพคนไปอะไรไป

แดดเปรี้ยงมาก แต่ฝรั่งก็นอนอาบแดดแบบไม่กลัวมะเร็งผิวหนังเลย

พอแดดเริ่มอ่อนแสง ผมก็ไปยังที่ใหม่ครับ ไปแถวๆ หาดหินกอง

โอ้โห ผมชอบท่าเรือที่นี่จัง ในยามเย็นมันสวยมากๆครับ แสงตะวันสะท้อนพื้นน้ำระยิบระยับเลย ส่วนใหญ่เป็นเรือประมงครับ ได้ยินมาว่าจริงๆมันต้องมีเรือมากกว่านี้ด้วยครับ วันที่ผมไปเรือยังจอดน้อยอยู่

มันเป็นเกาะที่แลดูชิลๆชิคๆ มีเสน่ห์มากครับ จากก่อนไปผมคิดว่ามันคงไม่เหมาะกับผม แต่จริงๆแล้ว การไปปาร์ตี้ต่างหากที่ไม่เหมาะกับผม ส่วนเกาะพะงัน มันเหมาะมากๆ เพราะมันทั้งใหญ่ ทั้งสงบ และอุดมสมบูรณ์ แถมค่าครองชีพก็ไม่แพงมาก เป็นเกาะที่มาแล้วรู้สึกอิ่มความสุขมากครับ

นั่งดูชาวประมงกำลังตรวจเช็คสภาพอวนหาปลาครับ ใครชอบถ่ายภาพแนว Landscape แนว Street ที่นี่เป็นอีกจุดที่ไม่ควรพลาด ส่วนใหญ่ชอบถ่ายภาพอัพโซเชียล ก็ยิ่งห้ามพลาด เพราะมันมีมุมดีงามหลายจุดเลยแหละ

ผมใช้เวลากับที่นี่อยู่สักพัก ก่อนจะเคลื่อนตัวไปหาอะไรทานครับ  เจ้าของรีสอร์ทบอกผมว่า ต้องไปร้านนี้นะ L’Alcove Bristo อ่านว่าอะไรไม่รู้ ออกเสียงไม่ถูกครับ แอลคัพ? ลาโคฟ? ฮ่าๆ เจ้าของร้านเหมือนไม่ใช่คนอังกฤษ เพราะสำเนียงแปลกๆ เขายื่นเมนุมาให้ผมเลือก ผมได้แต่อ่านแล้วก็งง เพราะผมคิดภาพไม่ออกว่ามันคืออะไร ผมเองก็ไม่สันทัดอาหารฝรั่งด้วยสิครับ เลยบอกเจ้าของร้านว่า ยูว่าอันไหนเด็ดก็จัดมาเลยจ้า  เจ้าของร้านก็เลยบอกว่า เมนูกุ้งเลยค่ะท่าน อร่อยเหาะ ใครชิมก็ติดใจ สนใจรับเลยไหมคะ? แน่นอนสิครับ เสิร์ฟเลยจ้า

แล้วก็ได้จานนี้มาครับ จานบนเป็นมะม่วง กินกับชีท กับผลไม้แห้ง (ไม่รู้เรียกว่าอะไร) ถั่ว ผัก และขนมปัง กินแล้วเข้ากันได้ดีเลยครับ อร่อยๆ  ส่วนจานล่างคือเมนูกุ้งที่ว่า เนื้อแน่นมาก อร่อยอีกแล้ว ชอบทั้งสองจานครับ เครื่องดื่มผมสั่งแบบน้ำมะนาวผสมน้ำสับปะรสและสาระแหน่ (สั่งอะไรวะ) กินแล้วรู้สึก ไม่ลื่นคอเท่าไหร่ ฮ่าๆ แต่ก็ถือเป็นเมนุใหม่ที่ไม่เคยลองครับ แฮะๆ

ร้านอาหารร้านนี้อยู่ติดทะเลเลยครับ เราจะเลือกนั่งในร้านหรือจะไปนั่งริมหาดก็ได้ อัพ ทู ยู ส่วนผมเลือกนั่งในร้าน เพราะตอนที่ไปแดดยังมีอยู่ มันร้อนครับ พอยามดึก ก็เสียใจ อยากจะไปนั่งริมทะเลแทน

ร้านนี้นักท่องเที่ยวถือว่าเยอะมากครับ เกือบเต็มร้านเลย มากันเป็นคู่ๆทั้งนั้น!! แล้วมองดูตัวเอง ตูมาทำไรตรงนี้ ที่นี่ อ้าก!

คนไร้คู่ มาอยู่กับหมาก็ได้วะ ว่าแล้วก็เรียกหมามาหา มันเดินมาแป็บเดียว ก็หนีครับ โธ่ ชีวิต แม้แต่หมายังเมิน 55

หน้าร้านมีแพไม้แบบนี้ลอยตุ้บป่องๆอยู่ด้วย ผมก็จัดไปสิครับ มองหน้าสู่ทะเล ไม่อยากมองที่ร้าน เจอแต่คนมาเป็นคู่ มันแสลงใจ!!

ผมใช้เวลาที่ร้านนี้ราวสองชั่วโมงกว่าๆครับ หมดค่าใช้จ่ายมื้อนี้ 1,700 บาท สั่งเยอะมาก หลายเมนูครับ มีเมนูเป็ดด้วยแหละ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา ฮ่าๆ แบตจะหมด โดยรวมถูกใจเลยครับ อาหารอร่อย ไม่แพง (ถ้ามาหลายคน)

สรุปกิจกรรมวันที่สองของการเที่ยวเต็มวันของผมที่เกาะพะงัน

เที่ยวทะเลหน้าหาดแม่หาด
เล่น Zipline แบบเต็มฐาน
ไปหาดหินกอง
ไปทานดินเนอร์ที่ร้าน L’Alcove

สรุปกิจกรรมทริปพะงัน 4 วัน 3 คืน ของผม ผมชอบมากเลยนะครับ เป็นเกาะที่มันมีเสน่ห์มากๆ จากเดิมทีที่ผมเข้าใจว่ามันคือเกาะแห่งปาร์ตี้ วุ่นวาย ซึ่งหลายๆคนก็คงคิดแบบผม แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลยครับ มันสงบเสียจนเหลือเชื่อเลย เกาะใหญ่ พื้นที่สีเขียวเต็มไปหมด ผู้คนก็อัธยาศัยดีนะครับ ระดับความพึงพอใจ 10/10 เลยครับ มีข้อเสียอย่างเดียวคือ การเดินทางลำบากไปหน่อย (หมายถึงตอนเดินทางจะมาให้ถึงเกาะหนะคับ) แต่การเดินทางบนเกาะก็มีรถมอไซด์ให้เช่านะคับ ผมเห็นเขียนว่า วันละ 250 บาท

ประเทศไทยเรายังมีที่เที่ยวสวยๆอีกเยอะมาก และหลายที่ที่มันดังในด้านหนึ่งจนกลบความงามของอีกด้านหนึ่งไป ทำให้หลายคนพลาดโอกาสที่จะไปสัมผัม ซึ่งผมเองก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น แต่เมื่อได้ไปเห็นแล้ว ทำให้ผมรู้เลยว่า “พะงัน ในวันที่ไร้ปาร์ตี้ มันโคตรดีต่อหัวใจของผมเลย

ขอบคุณที่ติดตามการเดินทางของผมเสมอมา

มีอะไรทักทายกันได้ในแฟนเพจนะค้าบ

EN / FR

© Copyright BackpackStory.com.

Close