When your dreams come alive you’re unstoppable
Take a shot, chase the sun, find the beautiful…
เสียงเพลงจากมือถือดังขึ้นในตอนเช้ามืดของวันนี้ ผมงัวเงียขึ้นมาปาดหน้าจอไปทางซ้าย เพื่อปิดระบบนาฬิกาปลุก อืม.. ตอนนี้ก็หกโมงครึ่งแล้วสินะ ผมลุกจากที่นอนและเตรียมอาบน้ำอาบท่าเพื่อจะได้พร้อมสำหรับกิจกรรมในวันนี้ เมื่อคืนนี้ผมนอนค่อนข้างจะดึก ทำให้เช้านี้ยังมีอาการ หัวตื้อ อยู่สักหน่อย
น้ำร้อนในโรงแรมช่วยกระตุ้นให้ผมตื่นจากอาการง่วงเหงาหาวนอนมากขึ้น หลังจากที่ทำธุระส่วนตัวเสร็จสิ้นแล้ว ผมก็ออกไปทานอาหารเช้าที่โรงแรมจัดไว้ให้ แล้วก็เดินออกมาพบกับบัง ไกด์พาเที่ยวประจำตัว วันนี้เราจะไปจอย One Day Trip ทัวร์เกาะพีพี ครับ
สักพักมีรถสองแถววิ่งเข้ามาจอดเทียบหน้าล็อบบี้ มีหญิงสาวชาวใต้หน้าตาคมเข้มวิ่งเข้ามา แล้วเรียกว่า คุณไพรสน อยู่ไหมคะ? ผมแสดงตัวให้เธอทราบ เธอเชิญผมกับบังขึ้นไปยังรถ บอกว่าจะไปรับลูกค้าท่านอื่นๆอีกสองสามแห่ง แล้วจากนั้นก็จะไปที่ท่าเรือวังทราย เพื่อขึ้นเรือสปีดโบ๊ทไปที่เกาะพีพีกัน
ก่อนจะขึ้นเรือนั้น เราต้องทำการลงชื่อในใบเช็คชื่อก่อนครับ เพื่อเป็นการตรวจนับจำนวนลูกเรือไปในตัว สตาฟที่นี่ทำงานดีมาก มีการเช็คชื่อก่อนขึ้นเรือ และก่อนออกจากจุดแวะพักทุกครั้ง ผมประทับใจมาก สตาฟบอกว่าเราจะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 45 นาที ครับ
ผมเคยมาเกาะพีพีแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อหลายปีที่แล้ว จำได้ว่าครั้งนั้นผมตื่นเต้นกับความสวยงามของหาดมาหยามาก เพราะทรายมีสีขาวสะอาด ผู้คนไม่เยอะมาก น้ำทะเลก็เป็นสีฟ้าสวยมาก รอบๆก็เป็นภูเขารายล้อมไปหมด มันคือสวรรค์ชัดๆ สมกับที่เป็นฉากถ่ายทำหนังในเรื่อง The Beach
แน่นอนครับว่า หาดแรกที่เราจะไปเยือนครั้งนี้ก็คือหาดมาหยานั่นแหละครับ หลังจากที่สตาฟส่งสัญญาณบอกว่าเรากำลังจะถึงหาดมาหยาแล้ว นักท่องเที่ยวทั้งหลายต่างหยิบกล้องขึ้นมาพร้อมจะเก็บภาพบันทึกความทรงจำ
ภูเขาทั้งหลายเหมือนกำลังแหวกตัวให้เรือของพวกเราเข้าไปสัมผัสกับสิ่งที่ซ้อนเร้นอยู่ภายในนั้น…
แต่เมื่อผมไปเห็น ผมถึงกับร้อง “ว้อททททททททท”
หาดมาหยาที่เคยเงียบสงบในครานั้น เต็มไปด้วยฝูงมวลมหาประชาชนนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกครับ มันเยอะมาก เยอะจนเบียดกันแน่นชายหาดไปหมด ผมเพิ่งกลับมาจากไปเที่ยวจีนที่ตรงกับวันชาติจีน คนยังไม่เยอะเท่านี้เลย หมดกัน! หาดมาหยาแสนสวยของผม
ผมพยายามมองออกไปยังท้องทะเลเบื้องหน้า แต่มันกลับคลาคร่ำไปด้วยจำนวนสปีดโบ๊ทมหาศาลไม่แพ้ฝูงชน บดบังน้ำทะเลสีสวยๆหมด นี่มันอะไรกัน!!
“คนเยอะมากๆเลยนะครับบัง”
“นี่ยังอยู่ในช่วงหน้าโลว์นะครับน้องสน ถ้ามาหน้าไฮ คนแน่นกว่านี้อีก”
โอ้โห นี่ขนาดแค่นี้ผมก็ว่ามันหนาแน่นมากแล้วนะครับ ไม่อยากจะคิดว่าถ้าแน่นกว่านี้ เราจะมาดื่มด่ำอะไรกัน? ซึ่งแม้ผมจะเข้าใจนะครับว่า เราก็เหมือนกับเค้าที่อยากมาเห็นความสวยงามของสถานที่แห่งนี้ แต่พอต่างกันต่างมาและมาแบบเยอะๆ เรากลับไม่เห็นความงามดั่งที่ควรจะได้เจอ
ผมส่ายหัว
“เดินเล่นรอบชายหาดกันดีกว่าครับบัง เผื่อจะหามุมถ่ายภาพที่ไม่ติดคน หรือคนน้อยๆได้บ้าง” ผมพูดแล้วออกเดินย่ำเท้าบนหาดทรายขาวฝ่าฝูงชนออกไป
มันไม่ง่ายเอาเสียเลยนะครับ ที่จะถ่ายภาพโดยติดภาพเรือ หรือนักท่องเที่ยวแบบน้อยที่สุด แต่เอาน่า ผมก็ยังพยายามต่อไป เพื่ออยากให้เห็นว่า แท้ที่จริงแล้ว หาดมาหยานั้นมันสวยมากขนาดไหน
หาดมาหยา หรือ อ่าวมาหยา จริงๆแล้วเห็นอ่าวที่ได้ชื่อว่า สวยที่สุดในเกาะพีพี นะครับ เพราะมีน้ำทะเลที่เป็นสีฟ้าใส ชายหาดก็ขาวสวย เนื้อทรายละเอียดประดุจแป้ง เดินแล้วนุ่มเท้าสุดๆ แต่..ในวันนี้มันก็ยังสวยยกเว้นแต่มันถูกเบียดไปด้วยผู้คนนักท่องเที่ยวครับ ฮ่าๆ
เพื่อนผมที่เป็นคนพื้นที่คอมเมนต์ใต้รูปภาพของผมในเฟสบุคว่า “ถ้าอยากจะมาแบบไร้ผู้คน แกต้องมาตั้งแต่ตีห้า” ผมอ่านแล้วก็สะดุ้ง แต่มันก็คงจะจริง เพราะพอเริ่มสายๆนักท่องเที่ยวก็ทยอยหลั่งไหลเข้ามา วิวที่เราควรจะได้เห็นมันก็เลยไม่ปรากฎแบบที่ควรจะเป็น
ผมเดินลัดเลาะหาดไปเรื่อยๆ รอจังหวะบางช่วงที่คนสลายตัว แล้วค่อยกดชัตเตอร์บันทึกภาพ ผมพูดกับตัวเองว่า หาดมาหยา เป็นหาดที่ผมไม่ปลื้มอีกต่อไป เพราะผมก็ไม่ชอบที่ที่คนหนาแน่นมากอยู่แล้ว
สตาฟอีกคนเล่าให้ฟังว่า ถ้ามาตอนเช้า หน้าหาดก็จะเต็มไปด้วยเรือหางยาว พอตอนสายๆก็เป็นสปีดโบ๊ทแทน สรุปง่ายๆคือ อ่าวนี้แทบจะเต็มไปด้วยผู้คนตลอดเวลา
“เราเดินขึ้นไปด้านบนได้ไหมครับบัง” ผมถามบัง
“ได้สิครับน้องสน ด้านบนมีห้องน้ำด้วย เผื่ออยากจะเข้า” บังตอบ
ผมเดินขึ้นไปยังเนินดินด้านบน มองลงมายังท้องทะเลเบื้องล่าง อื้ม… ผมเริ่มมองเห็นทะเลบ้างแล้วแหละ ก็พอจะให้เก็บภาพมาฝากได้บ้างครับ
เมื่อถึงเวลานัดขึ้นเรือ เราทั้งหลายก็ตากันขึ้นเรือเพื่อไปยังสถานที่ต่อไป นั่นก็คือ บลูลากูน ครับ
ผมผิดหวังกับหาดมาหยาก่อนหน้า พอได้ยินว่าจะไปบลูลากูน ผมก็ไม่ค่อยตื่นเต้นสักเท่าใดนัก เหมือนถูกคนรักหักอก ยังไงยังงั้นเลย บลูลากูนผมจึงไม่คาดหวังอะไรมากมาย
แต่ผิดคาดครับ บลูลากูนยังคงมีเสน่ห์ให้ตรึงตราตรึงใจ เนื่องมาจากเป็นการบังคับให้เรือเข้าออกเพียงเส้นทางเดียว สถานที่แห่งนี้จึงไม่ถูกรบกวนมากกระมัง น้ำทะเลเป็นสีเขียวมรกต ใสสะอาดมาก และลึกมากๆด้วย
มีเรือหางยาวบางลำที่จอดอยู่เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ลงเล่นน้ำ จริงๆตรงนี้น้ำลึกมากๆเลยนะครับ เห็นสตาฟบอกมาว่าหลายสิบเมตร และด้วยความที่มันลึกมากๆนี่แหละ ทำให้สีน้ำมันเข้ม กลายเป็น Blue Lagoon
ยอมรับจริงๆเลยครับว่า น้ำทะเลที่อันดามันเราเนี่ยมันใสและสวยมากจริงๆ นักท่องเที่ยวบนสปีดโบ๊ทก็ส่งเสียงฮือฮากันใหญ่ ถ่ายภาพกันรัวๆ ก็นะ สีน้ำทะเลแบบนี้ ใครก็ต้องตื่นเต้นเป็นธรรมดา
เรือสปีดโบ๊ทพาเราแล่นออกจากบลูลากูน ผมมองกลับไปด้วยความรู้สึกยังตรึงตรากับความงดงามของสถานที่แห่งนี้ เราใช้เวลาที่บลูลากูนไม่นานครับ เพราะต้องวนเรือออก ให้เรือคันอื่นได้เข้ามาเชยชมบ้าง แบ่งๆกันไป
สถานที่ถัดไปในทริปนี้ก็คือ ถ้ำไวกิงครับ แต่ว่าผมไม่ได้ถ่ายรูปตรงถ้ำแห่งนี้ เพราะตอนนั้นเรือโคลงเคลงมาก ยืนแล้วจะล้มครับ ฮ่าๆ
“เราเข้าไปข้างในไม่ได้นะครับ ที่นี่เป็นเขตสัมปทานรังนก” สตาฟพูดขึ้นมา
“เหตุที่เราเรียกถ้ำนี้ว่าถ้ำไวกิง เพราะข้างในมีภาพเขียนโบราณเป็นรูปเรือคล้ายเรือไวกิงครับ เราเลยเรียกชื่อถ้ำนี้ว่าไวกิง”
ที่หาดไวกิงมีลิงอาศัยอยู่ค่อนข้างเยอะมาก ลิงแถวนี้ดูจะไม่กลัวคนเลยนะครับ นักท่องเที่ยวบางคนก็โยนอาหารให้มัน ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าเป็นวิธีที่เหมาะสมหรือเปล่า จะคล้ายๆกับการให้อาหารปลาทะเลไหม ผมก็รู้เหมือนกัน
ชมลิงกันเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาทานอาหารเที่ยงกันครับ เวลาผ่านไปเร็วมาก หลายคนเริ่มหิวแล้ว สตาฟก็พาเราไปยังเกาะพีพีดอน เพื่อไปทานอาหารกลางวันที่นี่ อาหารเป็นแบบบุฟเฟต์ครับ มีทั้งอาหารสไตล์ไทย และฝรั่ง เลือกกันได้ตามใจปรารถนา ผมว่าอาหารอร่อยดีครับ ผมชอบแกงมัสมั่น รสชาติกำลังดี
ภาพด้านบนเป็นภาพของนักท่องเที่ยวกับเล่นลิงชิงบอลกันหน้าหาดที่เกาะพีพีดอนครับ เกาะพีพีดอนนั้นเต็มไปด้วยร้านอาหารและโรงแรมครับ ใครที่อยากจะมาพักบนเกาะพีพี ก็มากันที่เกาะนี้แหละครับ อาหารบนเกาะนี้ราคาก็ค่อนข้างสูงตามสไตล์ราคาบนเกาะครับ
กิจกรรมที่ทัวร์รอบเกาะพีพี ยังไม่จบนะครับ เพราะหลังจากกินอิ่มกันแล้ว ก็ได้เวลาลงน้ำครับ เราไปดำน้ำกันที่แถวๆเกาะพีพีนั่นแหละครับ ใต้ทะเลสวยนะ แต่วันนี้น้ำยังไม่ใสเหมือนหน้าโลว์ สักเท่าไหร่ ที่นี่ผมได้แผลกลับมาด้วยครับ คือด้วยความที่บางจุดระดับน้ำต่างจากตัวปะการังไม่มาก ทำให้มีอยู่ช่วงหนึ่งตอนผมว่ายกลับตัว ขาผมดันไปถูกโขดหินเข้า เลยได้แผลถลอกปอกเปิกเลยครับ ฮ่าๆ ใครไปดำน้ำก็ระวังๆกันด้วยนะครับ อ้อแถวนั้นมีเม่นทะเลด้วย อย่าไปจับหรือไปเหยียบมันเข้าหละ
เราได้ดำน้ำหลักๆกันสองจุดครับ จุดแรกก็คือที่พูดถึงก่อนหน้านี้ กับอีกจุดคืออยู่ห่างจากเกาะไม้ไผ่ประมาณหนึ่งกิโลเมตร ตรงนี้บังพูดว่า วันนี้พวกเราโชคดีที่มาช่วงน้ำตาย และคลื่นนิ่ง ทำให้สามารถสนอกเกิลตรงนี้ได้ ปกติเค้าไม่ค่อยให้มาเล่นกัน เพราะคลื่นแรง
ตรงจุดนี้คือจุดที่ผมประทับใจที่สุดในทริป เพราะน้ำใจมาก และปะการังสวยมาก สวยแบบสุดๆ มีหลากหลายแบบ ทั้งปะการังรูปกะหล่ำปลี ปะการังเหมือนดอกไม้ ปะการังเขากวาง และอื่นๆอีก เยอะมากๆเลยครับ ปลาก็สีสันสวยงาม มีปลาเล็กปลาน้อยเวียนว่ายเต็มไปหมดเลย น่าเสียดายที่ผมไม่มีกล้องบันทึกภาพใต้น้ำ
จุดสุดท้ายที่เราแวะคือบนตัวเกาะไม้ไผ่ครับ ที่นี่มีจุดเด่นคือชายหาดที่กว้างมาก หาดทรายขาวสวย และสามารถเล่นน้ำหน้าหาดได้ หรือจะดำน้ำดูปะการังก็ได้
แต่ห้องน้ำที่เกาะไผ่ คืออะไรที่แย่มากจริงๆครับ เก่า สกปรก ห้องน้ำชายโถส้วมเบาะรองนั่งหายไป ไม่สามารถกดชักโครกได้ ทำให้มีแต่คราบอึของคนที่มาใช้บริการ เห็นแล้วจะอ้วกเลยครับ ผมเคยไปมาเมื่อหลายปีก่อน ห้องน้ำแย่ยังไง เดี๋ยวก็ยังคงแย่แบบนั้นหรือแย่กว่าด้วยซ้ำ ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าเงินที่เก็บจากนักท่องเที่ยว ปีหนึ่งได้หลายร้อยล้าน เขาไม่เอามาปรับปรุงห้องน้ำบ้างหรือเปล่า
บทสรุปการเดินทางวันนี้ ผมให้คะแนนความพึงพอใจที่ 8/10 ครับ ผมหักสองคะแนนตรงหาดมาหยาที่เต็มไปด้วยคนและเรือ นำความผิดหวังให้ผมโศกาอาดูรยิ่งนัก กับอีกคะแนนก็ตรงห้องน้ำที่เกาะไม้ไผ่ครับ ส่วนจุดอื่นๆผมก็ประทับใจมาก ผมเชียร์ให้ทุกคนมานะ แม้คนจะเยอะไปบาง แต่โลกใต้ท้องทะเลมันยังสวยสมบูรณ์ อยากให้มาเห็นกัน
เวลาเที่ยวในกระบี่ (โซนเริ่มต้นจากตัวเมือง) ของผมก็ใกล้สิ้นสุดแล้วครับ พรุ่งนี้ผมก็ check out เพื่อไปยังสถานที่แห่งใหม่แล้ว เดี๋ยวมารอดูกันครับว่า รอบหน้าผมจะพาไปเที่ยวที่ไหน เจอกันใหม่อีกครั้งค้าบ