เสร็จสิ้นการเดินทางเที่ยวสุสานจิ๋นซีแล้ว ผมก็เตรียมตัวเดินทางไปยังเมืองถัดไปที่อยู่ห่างจากซีอาน 380 กิโลเมตรครับ มีชื่อว่าเมืองลั่วหยาง ที่เมืองแห่งนี้มีของดีเด่นๆของอย่างที่ผมรู้จักก็คือผาหินแกะสลัก Longmen และวัดเส้าหลิน แต่ด้วยเวลาที่ผมวางแผนไว้ ผมเลือกที่จะไปเพียงแค่ผาหินแกะสลักลองเหมินครับ เพราะอยากจะไปดูผลงานจากแรงศรัทธาของคนสมัยก่อนที่พากันแกะสลักผาหินริมแม่น้ำทั้งภูเขาให้เป็นเรื่องราวทางพระพุทธศาสนา
ในวันที่ผมจะไปสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ จำได้ไหมครับว่าเราต้องไปเปลี่ยนรถเป็นสาย 306 ที่สถานีรถไฟ ผมก็ไปจองตั๋วรถไฟจาก Xi’an Bei ไปยัง Louyang Longmen station ในราคา 174.5 หยวน พอถึงเช้าวันเดินทาง ผมก็นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปลงที่สถานีรถไฟปลายทางและเดินไปยังสถานีรถไฟ Xi’an Bei เลยครับ ซึ่งเป็นคนละสถานีที่เราไปเปลี่ยนรถไปสุสานจิ๋นซีนะครับ อย่าจำผิดเด็ดขาดทั้งสองนี้อยู่ห่างกันมากๆ
รถไฟความเร็วสูงวิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ยประมาณ 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมง กับอีก 45 นาที ผมก็มาถึงสถานีปลายทาง Louyang Longmen ครับ พอมาถึงสถานี เดินออกมาก็จะเจอกับบรรดาแทกซี่และทัวร์มาเสนอขายครับ ผมเลือกนั่งแทกซี่ในราคา 20 หยวน เพื่อเดินทางไปยัง Longmen Grottoes ซึ่งเขาก็พามาส่งที่ Tourist Information ครับ
จริงรถไฟก็ไม่ได้ห่างจากจุดท่องเที่ยวนี่สักเท่าไหร่นะครับ นั่งรถไม่น่าจะถึง 20 นาที แต่เอาเหอะครับเพื่อความสะดวกสบาย 20 หยวนก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร เพราะหาแทกซี่มิเตอร์ยากมาก เดี๋ยวจะเสียเวลาไปเปล่าๆ พอลงจากแท็กซี่แล้ว ผมก็เข้าไปซื้อตั๋วเลยครับ และที่นี่สามารถฝากสัมภาระได้ด้วยนะครับ ฟรี! แต่ต้องมาเอาก่อนเค้าจะปิดนะครับ คือปิด 17:00 น.
บัตรเข้าชมคนละ 100 หยวน ครับ และถ้าใครไม่อยากเดินไป จะนั่งรถ shuttle bus ก็ได้ เที่ยวละ 10 หยวน ด้วยสภาพอากาศที่หนาวมาก (วันนี้อยู่ๆอุณหภูมิก็ลดฉับพลันครับ) ผมเลยเลือกที่จะนั่งรถเอา จะได้ไปถึงเร็วๆ
พอมาถึงที่นี่จะเห็นว่าหน้าผาของภูเขาทั้งลูกนี้ถูกเจาะเป็นถ้ำๆเลยครับ ผาหินแกะสลักลองเหมินนี้ ตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองลั่วหยางครับ ห่างออกมา 12 กิโลเมตร โดยอยู่ระหว่างภูเขา Xiang และภูเขาลองเหมิน โดยหันหน้าเข้าหาแม่น้ำอี๋ ที่นี่ถือว่าเป็นหนึ่งในสามของปฏิมากรรมโบราณที่มีชื่อเสียงที่สุดของจีน อันประกอบไปด้วย ถ้ำผาหินหลงเหมิน ถ้าหยุนกัง และถ้ำม่อเกา
คำว่าหลงเหมิน มีความหมายว่า “ประตูมังกร” ครับ อันเนื่องมาจากหน้าผาแห่งนี้อยู่ริมแม่น้ำอี๋ที่ทอดตัวเป็นแนวยาวดูเหมือนมังกรที่กำลังโลดแล่นอยู่นั่นเอง ถ้ำผาหินหลงเหมินเริ่มต้นขึ้นราวปี ค.ศ. 493 ครับเมื่อจักรพรรดิ์เสี่ยวเหวินของราชวงค์เว่ยเหนือได้ทำการย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่ลั่วหยางและก็เริ่มต้นสร้างตั้งแต่ตอนนั้น โดยใช้เวลาก่อสร้าง แกะสลัก บูรณะแต่งเติม เป็นเวลาถึง 400 ปีเลยทีเดียวนะครับ คือยาวนานมาจนถึงยุคราชวงค์ซ่ง
ผาหินแห่งนี้มีความยาวประมาณ 1,000 เมตร มีหลุมเล็กหลุมใหญ่ 2,300 หลุม มีแผ่นศิลาจารีกสลักอักษรจีนมากกว่า 2,800 หลัก มีถ้ำอีก 1,300 ถ้ำ มีเจดีย์พุทธ 40 กว่าแห่ง และมีพุทธรูปน้อยใหญ่รวมกันแล้วมากกว่า 100,000 องค์เลียทีเดียว!! เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่มาก ตอนที่ผมไปนะครับ โอย เกือบๆทุกตารางนิ้วต้องมีผลงานแกะสลัก มันเต็มไปหมด ห้ามพลาดทุกรายละเอียด
ถ้ำผาหลงเหมินนี้ส่วนใหญ่แล้วงานถูกสร้างขึ้นในยุคราชวงค์เว่ยเหนือมาจนถึงยุคราชวงค์ถังครับ ยิ่งเดินดูยิ่งตื่นตาตื่นใจ เพราะว่าแกะได้ละเอียดมาก ตั้งแต่ค่อยๆเจาะเป็นโพรงๆ และเริ่มแกะออกมาให้เป็นรูปเป็นร่าง ดูว่างกันมากจริงๆคนยุคโบราณ เห็นแล้วได้แต่ร้องว้าว ว้าว ว้าวววว
สถานที่แห่งนี้ได้รับเลือกเป็นมรดกโลกด้วยครับ และก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ 5A อีกแล้ว ทริปนี้ฟินกันทั้งทริปครับ นั่นก็ดี นี่ก็ดี โอย มีความสุขที่สุดเลย
ถ้ำเยอะแยะไปหมดเลยครับ ตื่นตาตื่นใจเหลือเกิน โพรงเล็กบ้าง ใหญ่บ้างสลับกันไป ที่สำคัญคือผลงานการแกะสลักมันเนี๊ยบมากๆ งงว่าทำได้อย่างไรกัน ภาพด้านบนนี้เป็นภาพแกะสลักอยู่ภายในถ้ำเสียนชื่อสือ (Qianxisi Cave) ซึ่งเป็นถ้ำที่ถูกขุดในยุคของจักรพรรดิ์เกาซ่ง สมัยราชวงค์ถัง พระพุทธรูปภายในเป็นพระพุทธรูปของพระมหาอมิตภะที่นั่งอยู่บนแท่นสี่เหลี่ยม สองฝั่งของพระองค์เป็นรูปปั้นของพระโพธิ์สัตว์ ด้านซ้ายคือพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ด้านขวาคือพระมหาสถามปราปต์โพธิสัตว์ ทั้งสามองค์นี้เป็นที่รู้จักกันในนาม “Three Saints in Heaven” (ผมไม่รู้ว่าจะแปลว่าอย่างไรใช้สละสลวย ใครเก่งเรื่องศัพท์ศาสนา รบกวนชี้แนะผมด้วยครับ)
พระอมิตาภะพุทธเจ้า ทางมหายานเชื่อว่าพระองค์แบ่งภาคมาจุติเป็นพระศรีศากยมุนี หรือพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน (องค์ที่ 4) ครับ พระนามของพระองค์แปลว่า แสงสว่างไม่มีที่สิ้นสุด และรูปแกะที่เห็นในรูปก็ไม่ใช่ขนาดย่อยๆนะครับ พระอมิตาภะนี้สูง 7.8 เมตรเลยทีเดียว ในถ้ำแห่งนี้เป็นเสมือนผลงานเกี่ยวกับดินแดนสุขาวดีครับ
จากข้อมูลที่ผมอ่านมา เขียนไว้ว่า ถ้ำ Qianxisi นี้สร้างโดยพระชื่อว่าชานเต่า (Shandao) ครับ ในช่วงต้นราชวงค์ถัง โดยสำนักสุขาวดี ที่รู้จักกันในนามเลี่ยนซ่ง (สำนักดอกบัว) สำนักสุขาวดีเชื่อว่าดินแดนสุขาวดีเป็นดินแดนที่มีแต่ความสุขและมีชีวิตอันเป็นนิจนิรันดร์ ผู้เป็นใหญ่ในผืนแผ่นดินนี้ก็คือพระอมิตาภะพุทธเจ้า
ผมเดินออกมาจากถ้ำแล้วก็เดินดูผลงานแกะสลักไปเรื่อยๆ อย่างที่บอกไปครับว่าทุกๆตารางนิ้วนี่ห้ามพลาดรายละเอียด เพราะมันมีงานแกะสลักเยอะมาก เสียดายที่บางชิ้นถูกทำลายในช่วงปฎิวัติวัฒนธรรม
บางถ้ำมีการทาสีด้วยครับ แม้มันจะเลือนลางไปตามกาลเวลา แต่ก็พอให้จินตนาการได้ว่าเมื่อก่อนนั้นสวยงามสักเพียงใด รูปแกะเยอะจนตาลายไปหมดแล้วครับพี่บัวลอย
โน่นก็ดี นี่ก็งาม ดูจนตาแฉะก็ยังไม่หมด
ตรงนี้คือจุดเด่นสุดของผาหลงเหมินครับ รูปปั้นสูงมาก ผมว่าสิบกว่าเมตรได้เลยครับ และมีรูปปั้นใหญ่ๆแบบนี้เยอะมากด้วย
บางอันผมก็ไม่รู้ว่าคือรูปแกะสลักของอะไรเหมือนกัน
มันยังไม่สิ้นสุดง่ายๆนะครับ แค่ที่เห็นเป็นถ้ำๆเนี่ย เพิ่งจะแค่ด้านเดียวของฝั่งแม่น้ำ เราต้องเดินข้ามสะพานไปอีกฝั่ง เพื่อไปดูถ้ำตรงข้ามด้วย! ในตั๋วเขียนบอกว่ามีจุดท่องเที่ยวทั้งหมด 4 จุด เก็บไปเรื่อยๆครับ วันนี้ชิลๆ ผมมีเวลาตลอดทั้งบ่าย
อันนี้ก็เทพมาก!! สังเกตดูดีๆนะครับ จะเป็นภาพพระพุทธเจ้าประมาณ 1,500 ชิ้น!!! ละเอียดมาก
มองย้อนกลับไปอีกฝั่ง สวยเหลือเกิน ยิ่งใหญ่ด้วย แม่น้ำก็ใส ยิ่งเสริมความงามเข้าไปอีก ทริปนี้เดินเยอะมาก ใครกำลังขาไม่ไหว นี่ต้องทำใจครับ
อีกฝั่งของแม่น้ำ นอกจากจะมีงานแกะหินอีก ก็ยังมีวัดสวยๆที่เรามองมาจากฝั่งหนึ่งเห็นโดดเด่นด้วยนะครับ ผมก็เดินเข้าไปข้างในวัด แต่เอาเข้าจริง ผมกลับมองว่า วัดนี้ดูข้างนอกสวยกว่าข้างใน ฮ่าๆ ข้างในก็เหมือนวัดจีนทั่วไป เพียงแค่ว่าวัดนี้โดดเด่นที่มันใหญ่โตมากๆๆๆ
คือตัววัดสวย แต่ข้างในวัด ผมเฉยๆครับ ดังนั้น ผมเดินเล่นรอบตัววัดดีกว่า ฮ่าๆ
นี่ครับตัววัดที่ผมพูดถึง งดงามมาก แต่ที่ว่าข้างในเฉยๆ แฮะๆ
ถัดจากวัดนี้ก็จะเป็นสุสานของใครสักคนครับ ไม่มีป้ายภาษาอังกฤษ ผมอ่านจีนไม่เข้าใจ มีภาษาอังฤษบอกแค่วา Lute Apex Tomb แค่นั้น ฮ่าๆ ข้างในสุสานก็ยิ่งใหญ่อีกแล้ว แต่ดูแล้วเหมือนคนจีนเค้าจะสนใจกันมากนะครับ เห็นอ่านโน่นอ่านนี้ ยืนพินิจพิจารณา คนไม่รู้ภาษาจีนอย่างผมก็ได้แค่ดูผ่านหูผ่านตา แม้กระทั่งกลับมาไทย พยายามหาข้อมูลก็ไม่เจอเลย ภาพด้านบนคือจุดฝังศพของใครสักคนที่ว่าครับ
หลังจากเที่ยวเสร็จแล้วผมก็ซื้อตั๋วนั่งรถไปยังอาคารต้อนรับนักท่องเที่ยวเพื่อไปเอากระเป๋าครับ แล้วก็ถามพนักงานด้วยว่าจะเข้าตัวเมืองไปได้อย่างไร เขาก็ดีมากครับ เดินมาส่งผมที่ป้ายรถเมล แต่…ผมก็เสียท่าให้คุณลุงจีนครับ ที่ขับรถตู้ มาเสนอว่าจะพาไปส่งตัวเมือง ด้วยค่ารถ 60 หยวน! ซึ่งตอนนั้นเจ้า GPS บอกตำแหน่งของโรงแรม ก็ดันบอกว่าอยู่ห่างจากที่ผมอยู่ ณ ตอนนั้น 70 กิโลเมตร ผมก็เลยคิดว่า 300 บาทก็ไม่แพงนี่ ก็เลยนั่งรถลุงไป ที่ไหนได้ครับ GPS มันเพี้ยน ตัวเมืองลั่วหยางอยู่ห่างไปแค่ 10 กิโลเมตรเอง แต่ก็นะ คิดซะว่า ซื้อประสบการณ์ครับ ฮ่าๆ อย่างน้อยลุงก็ขับมาส่งหน้าโรงแรมเลย โรงแรมที่ผมพักที่เมืองลั่วหยาง คือ Yijia Youth Hostel ครับ เหตุผลที่ผมเลือกก็เพราะดูตำแหน่งแล้วไม่ไกลจากย่านเมืองเก่าลั่วหยาง ซึ่งผมก็อยากไปเดินชมดูด้วย จึงเลือกที่นี่ครับ ผมนอนแค่คืนเดียว พนักงานต้อนรับพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก และสภาพห้องก็ดีมากๆด้วย ผมนอนแบบห้องส่วนตัวนะครับ ห้องน้ำก็สะอาด เป็นแบบชักโครก แต่เสียอย่างเดียวคือไม่มีสบู่ และยาสระผมให้ (หรือผมหาไม่เจอก็ไม่รู้)
สรุปกิจกรรมวันนี้ สนุกมากครับ อิ่มอกอิ่มใจ และตื่นเต้นไม่หายกับสิ่งที่ได้พบเห็น ผมตื่นเต้นกว่าตอนเห็นผาแกะสลัก Dazu เสียอีก อาจจะเป็นเพราะ Dazu เนี่ยผมเคยเห็นรีวิวและมีข้อมูลอยู่แล้ว แต่ที่หลงเหมิน มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างใหม่สำหรับผม ก็เลยตื่นเต้นมากกว่า วันนี้อากาศหนาวมากๆ ผมเปิดฮีทเตอร์เต็มที่ เพราะทนไม่ได้ กับสภาพหนาวจัด ตอนกลางคืนผมก็ไปเดินย่านเมืองเก่าลั่วหยางที่ห่างจากโรงแรมไม่กี่ร้อยเมตร พรุ่งนี้ผมจะไปปีนเขาหัวชานครับ แล้วเจอกันตอนหน้า ไปท้ายอดเขาเย้ยยุทธภพกันครับ
การเดินทางและค่าใช้จ่ายสำหรับตอนนี้
- นั่งรถไฟใต้ดิน มายังสถานีรถไฟ Xi’an Bei
- นั่งรถไฟความเร็วสูง Xi’an Bei > Louyang Longmen ราคา 174.5 หยวน
- แทกซี่ไป Longmen Grosstoes 20 หยวน
- ตั๋วเข้าชม 100 หยวน
- ตั๋วนั่งรถ Battery Car ไปและกลับ 20 หยวน
- นั่งรถตู้ไปโรงแรม 60 หยวน (จริงๆมีรถบัส ถ้ารอได้โปรดรอครับ แต่ถ้าไปหลายคน เรียกแทกซี่ได้ครับ ไม่ไกลมาก ตอนขากลับ ผมนั่งแทกซี่มิเตอร์ ราคาราว 30 กว่าหยวนครับ)
- พักที่โรงแรม Yijia Youth Hostel หนึ่งคืน ราคา 118 หยวน