แบกเป้ตะลอนจีน ตอนที่ 7 ปีนเขาหัวชาน เส้นทางไต่เขาที่อันตรายที่สุดในโลก!

March 26, 2016
Scroll Down

บันทึกการเดินทางหลักๆของทริปนี้ ใกล้จะถึงตอนจบแล้วนะครับ เวลามันเดินผ่านไปเร็วเนาะ มาดูกันครับว่าทริปที่เหลือนี้ผมจะพาไปสัมผัสอะไรบ้าง ซึ่งต้องบอกก่อนว่า ทริปวันนี้เป็นทริปที่ใช้พลังกายอย่างมาก ทั้งพลังใจด้วย เพราะเป็นกิจกรรมที่ต้องเดินร่วม 5 ชั่วโมง และทางเดินก็ทั้งชัน ทั้งลื่น … เราจะไปปีนเขาหัวชานกันครับ

เขาหัวชานได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดขุนเขาที่สวยงามที่สุดของจีน เขาแห่งนี้ตั้งอยู่ที่อำเภอหวาอินเซี่ยน มณฑลซานซี อยู่ทางตะวันตกของประเทศจีนครับ มีทั้งหมดห้าขุนเขา ถ้าเราไปมองจากด้านบน จะมีลักษณะคล้ายดอกบัวครับ และแน่นอนว่ามันก็เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงสุดๆของจีนด้วย ไม่ใช่เพียงแค่ความสวยงามอันเป็นเอกลักษณ์ของมันเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่รวมไปถึงการไต่เขาแบบโหดสุดขั้ว และเสียวสุดๆ จนได้รับการขนานนามว่า นี่คือเส้นทางการไต่เขาที่อันตรายที่สุดในโลก!!

IMG_1311

เหอะๆ แค่ได้ยินคนร่ำลือมา ผมบักสนไม่เชื่อหรอกครับ ต้องไปสัมผัสด้วยตัวเอง หลังจากที่ผมเที่ยวเมืองลั่วหยางเสร็จแล้ว ผมก็เช็คเอาท์ออกจากโรงแรม และเรียกแท็กซี่มายังสถานีรถไฟ Louyang Longmen Station ตอนแรกแท็กซี่ก็จะให้เหมาครับ แต่ผมเลือกแทกซี่ที่กดมิเตอร์ ค่ารถก็ประมาณ 30 กว่าหยวน พอมาถึงสถานีรถไฟแล้ว ผมก็ซื้อตั๋วไปยังสถานี Huashan Bei ครับ ราคา 119.5 หยวน นั่งรถแค่หนึ่งชั่วโมงเอง! รถไฟความเร็วสูงของจีน สุดยอดมากเลย

IMG_1315

หลังจากเดินทางมาถึงสถานีหัวชานเป่ยแล้ว ออกมานอกสถานี เราจะเจอบรรดาพี่ๆผู้ใจดีทั้งหลาย เสนอตัวมาขายทัวร์บ้าง พานั่งรถไปยังหัวชานบ้าง ก็ตั้งสติดีๆนะครับ ผมตั้งใจไว้ว่าผมจะนั่งแทกซี่ไป ด้วยราคาไม่เกิน 20 หยวน ตอนแรกเขาก็เสนอที่ 30 หยวน ผมก็ต่อราคาว่า ผมให้เต็มที่ 20 หยวน แค่นั้น สุดท้ายก็ได้ที่ราคา 20 หยวนตามที่ต้องการครับ จริงๆมันก็เรทประมาณนี้แหละครับ ถ้าไปหลายคนก็นั่งๆไปเลย

ด้วยความที่กิจกรรมหลักของผมวันนี้คือการปีนเขา ดังนั้นทำไงก็ได้ให้ตัวเบาที่สุดครับ ผมก็ไปที่แผนกซื้อตั๋ว ซื้อตั๋วเข้าชมมาในราคา 180 หยวน แพงมากๆ และถามเขาว่าผมต้องการจะฝากกระเป๋าด้วยได้หรือไม่ ก็ปรากฎว่าฝากได้ครับ แต่มีค่าฝาก คือใบเล็ก 20 หยวน ใบใหญ่ 30 หยวน พี่จีนนี่เก็บเงินทุกสิ่งอย่าง แต่ก็ต้องยอมครับ เพื่อความปลอดภัย และความสะดวกสบาย

IMG_1317

ซื้อตั๋วเสร็จแล้ว ก็เดินไปขึ้นรถ Free Bus เพื่อไปยังจุดเข้าชมครับผม ในแต่ละช่วงเหมือนเขาจะให้ขึ้นไปชมในตำแหน่งที่ต่างกันออกไปนะครับ อย่างตอนผมอ่านรีวิวมา วิวมันไม่คล้ายๆแบบตอนผมไปเลย คาดว่าอาจจะเป็นเนื่องจากสภาพอากาศ ทำให้มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งเข้า

IMG_1330-2

จุดทางเข้าของอุทยานก็ให้อารมณ์หนังจีนมากๆครับ สัมผัสถึงจุดฝึกพลังยุทธ หรือผมจะมะโนมากเกินไปก็ไม่รู้ ฮ่าๆ รู้แต่ว่าตอนนี้ผมตื่นเต้นมากๆ อยากจะปีนเขาหัวชานเร็วๆ แต่ทำไมมันเงียบจังหว่า ดูไร้ผู้คน หรือว่าผมจะมาผิดทาง ตอนนั้นผมก็คิดแบบนี้นะ

IMG_1353

นั่งไง! เขาหัวชานตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าผมแล้ว ผมก็ค่อยๆเดินทอดน่องไปตามทางเดินไปเรื่อยๆ ตอนแรกๆ ทางเดินยังสบายครับ เหมือนเดินขึ้นทางลาดแบบเด็กน้อยอยู่ ผมก็คิดในใจว่า “กระจอก”  บักสนเอ้ย เอ็งยังไม่รู้ว่าของจริงรออยู่

IMG_1408

พอเดินไปเรื่อยๆ ผมก็ยิ่งครุ่นคิดมากขึ้นว่า นี่เรามาถูกทางป่าววะ ทำไมไม่เหมือนในรีวิวเลย ทางเดินท้าทายมันอยู่ไหน ผมเดินประมาณกิโลกว่าๆแล้วนะ ทำไมมันยังดูไม่มีทางชันๆที่ว่า หรือผมจะเข้าผิดทางจริงๆ? ตอนนั้นผมเจอนักท่องเที่ยวแบกเป้ชาวอินโดนีเซียด้วย แบกเป้คนเดียว เราก็คุยกันว่า พวกเรามาถูกทางแล้วใช่ป่ะ แน่นอน เราทั้งคู่ก็ไม่รู้ แต่คิดว่า ก็มันเป็นทางเข้า มันก็ต้องถูกแหละ ดังนั้นเดินต่อไป

IMG_1530

เดินไปเรื่อยๆ ผมเริ่มเห็นหิมะครับ เนื่องจากอากาศหนาวมาก ทำให้บางส่วนหิมะยังคงปกคุลมอยู่ เพื่อนชาวอินโดก็ตื่นเต้นมาก เพราะนี่คือครั้งแรกที่เขาเคยเห็นหิมะ ดูในภาพ มันคือหิมะนะครับ ไม่ใช่เกลือ

IMG_1537

วิวระหว่างทางสวยมากๆ ยิ่งคนชอบถ่ายภาพแลนด์สเคปน่าจะต้องชอบใจการเดินขึ้นเขาครับ มาถึงตอนนี้หนทางเริ่มทรหดแล้วครับ มันเริ่มแคบลง และชันขึ้นเรื่อยๆ ของจริงมาถึงแล้วบักสน

IMG_1711

ที่น่าตกใจที่สุดคือสิ่งนี้ครับ อะไรกัน? เดินขึ้นมาแล้วมาเจอแมวเล่นหิมะ? แมวมาจากไหน จอมยุทธท่านไหนเลี้ยงแมวไว้บนเขา อ้ากก แค่พวกเราเดินมายังหอบกันแล้ว เจ้าแมวนี้ดูเริงร่า มันคงจะนึกว่า เจ้ามนุษย์พวกนี้ช่างกระจอกเสียจริงๆ  พอมันเป็นเราแล้วมันก็กระโดดตัวลอย วิ่งนำขึ้นเขาไปก่อน

IMG_1728

ทางเดินเริ่มชัน และที่สำคัญหิมะปกคลุมครับ ถ้าใครเคยเจอหิมะมาก่อน จะรู้ว่า แกรรรรร ไอ้ที่ในหนังมันดูสวยๆ โรแมนติก คู่รักยืนกอดกัน แลกจุมพิตทางกลางหิมะตก ฟินสุดๆ จริงๆแล้ว มันไม่ใช่เลย!! โลกจริงมันไม่เหมือนละครครับ มันอาจจะฟินแค่ตอนจูบ แต่การเดินบนหิมะเนี่ยเป็นอะไรที่นรกมาก! เพราะมันลื่นมาก!! แล้วลองคิดดูสิครับ ทางเดินชันเกือบจะเป็น 90 องศา แล้วหิมะปกคลุม ต้องใช้สติเป็นอย่างมาก แถมคนตอนผมไปก็ไม่เยอะ ถ้าพลาดลงมา ไม่รู้อีกนานแค่ไหนคนจะมาเห็น ฮ่าๆ ผมนี่เดินยึดโซ่ข้างๆไว้ตลอดเลย

IMG_1756

ยิ่งเดิน ร่างกายยิ่งหอบครับ แต่ก็จะมีจุดพักให้บางจุดเป็นจุดสั้นๆ ให้พอได้หยุดถ่ายรูป หยุดพักผ่อน บางคนก็ซื้ออาหารระหว่างทางไต่เขานี่แหละครับ มีร้านอาหารคอยบริการเป็นจุดๆ และราคาก็โหดไม่แพ้กัน แอปเปิ้ลลูกละ 50 บาท เลยนะ

IMG_1783

ผมก็เดินไปด้วย ถ่ายภาพไปด้วย ชิลๆครับ เพื่อนชาวอินโดแซงไปก่อนแล้ว เพราะถ้าจะมาเดินด้วยกัน เขาคงไปไม่ถึงไหน ฮ่าๆ

IMG_1873

ยิ่งสูงขึ้นไปทางขึ้นก็ยิ่งเหวนรกมากยิ่งขึ้น ลองดุภาพด้านบนประกอบนะครับ มันชันแบบนี้เลย และมันสูงมาก จุดที่ผมถ่ายรูปนี้ น่าจะแค่ 1 ใน 3 ของความยาวของบันไดตรงจุดนี้  พื้นบันไดก็กว้างแค่นี้เอง ใครกลัวความสูงคงขาสั่นมากแน่ๆ ส่วนผมเหรอ ไม่กลัวครับ กลัวอย่างเดียวคือจะไปไม่ถึงยอดเขา

IMG_1875

ต่างคนต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน นั่นก็คือ ไปให้ถึงยอดเขา มาแล้วจะหันหลังกลับไม่ได้ ลุยกันต่อไปเพื่อนร่วมอุดมการณ์!

IMG_1898

เอ่อ!! เจอแมวอีกแล้ว!! แถมดูหน้ามันสิครับ ดูเบื่อหน่ายโลกมาก แมวน้อยแกเป็นอะไร? ตอนมันเห็นผม มันก็ร้องเมี๊ยว เมี๊ยว ผมฟังไม่ออกหรอก ตอนนี้ผมได้ยินแต่เสียงลมออกหู เพราะเหนื่อยมาก  ไอ้แมวร้องสักพักใหญ่ แล้วมันก็วิ่งขึ้นเขาไปอีกเช่นเคย

IMG_1927

ยิ่งบนเขาอากาศย่ิงเย็น น้ำตกที่นั่นก็จับตัวกลายเป็นน้ำแข็ง อย่างกะมีคนไปกดปุ่ม pause แล้วสายน้ำก็หยุดไหล เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นน้ำตกกลายเป็นน้ำแข็งแบบนี้ บางส่วนของมันก็แตกหักมาเป็นน้ำแข็งก้อนๆ ครับ

IMG_1930

บางคนเขาจะมานอนค้างบนเขา เพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยครับ แต่วันนี้ผมไม่ได้ค้าง ผมมาปีนแค่ยอดเดียว โอกาสหน้าฟ้าใหม่ ผมจะมาปีนให้ครบหมดทุกยอด

IMG_1935

วิวระหว่างทาง สวยมากๆ

IMG_1961

กิจกรรมเดินเยอะๆแบบนี้ รองเท้าสำคัญมากๆนะครับ ต้องเตรียมรองเท้าสำหรับเดิน ไม่อย่างนั้น นิ้วอาจจะหลุดได้ เชื่อผมครับ ผมเจอมาแล้วตอนไปจิ่วไจ้โกว ใส่รองเท้าผ้าใบปกติ เดินกันห้าวัน เป็นไงครับ เท้าระบม ปวดสุดๆ แต่ทริปนี้ สบาย

IMG_1984

เดินผ่านเห็นมีป้ายเขียน 1, 2, 3, 4, 5 อะไรด้วย แต่ผมไม่เข้าใจว่าคืออะไร?  5 กิโลเมตรเหรอ? ช่างมันเหอะ เดินต่อไปอย่าเพิ่งยอมแพ้ครับ

IMG_1988

จ้าก ปีนเขาแนวดิ่งอีกแล้ว!!  คนข้างหน้าผมหันมายิ้มให้แล้ว ก็พูดว่าเหนื่อยมากกกก  ผมก็ยิ้มตอบ และบอกว่า ไม่ต่างกัน ฮ่าๆ

IMG_1993

จริงๆตรงที่ผมขึ้น มันก็โหดนะครับ แต่ที่โหดสุดจะอยู่ตรงยอดเขาตะวันตก ที่มีพื้นไม้แผ่นเดียว แล้วด้านล่างเป็นเหว ซึ่งผมไม่ได้ไป เพราะหิมะตก ไม่อยากเสี่ยง ฮ่าๆ รอบหน้าค่อยมาจัดใหม่

IMG_2019

ผ่านไปสี่ชั่วโมงกว่า ผมเริ่มมองเห็นยอดเขาแล้วครับ ใกล้แล้วๆ ระหว่างทางก็มีอักษรจีนจารึกอยู่บนก้อนหิน ผมอ่านไม่ออกสักอย่าง

IMG_2059

โอ้ว มาย ก็อดดดดดดดดด!!!! ในที่สุดผมก็เดินมาจนถึงยอดเขา ด้วยสภาพที่ลิ้นห้อย เหงื่อท่วมตัว ทั้งๆทีอากาศเลขหลักเดียวเข้าใกล้ศูนย์ วิวด้านบนมันสวยมาก ยิ่งแสงยามเย็น งามสุดๆ คุ้มค่าแก่การเผาผลาญพลังงานปีนเขาขึ้นมา

IMG_2104

จริงๆสำหรับคนที่เดินขึ้นไม่ไหว เขาก็มีกระเช้าให้บริการนะครับ แต่อย่าคิดว่าเขาจะให้ขึ้นฟรีนะครับ จ่ายเงินอีก 80 หยวนครับ สำหรับขาเดียว ถ้านั่งขึ้นนั่งลง ก็ใช่ครับ 160 หยวน เป็นไงหละ ตั๋วเมืองจีน โหดร้ายใช่ไหม นี่แหละครับ ผมถึงอยากเดินทางตั้งแต่ยังหนุ่ม เพราะอย่างน้อยก็ยังมีแรง

IMG_2109

วิวอย่างกะภาพวาดสไตล์จีน

IMG_2170

ด้านบนมีวัดด้วย! ผมสงสัยอีกแล้วว่า เขาขนวัสดุขึ้นมาได้อย่างไร? แล้วทำไมวัดต้องอยู่บนเขาสูงขนาดนี้ เพื่ออะไร?

IMG_2211-n

หลังจากนั่งพักสักครู่ ผมก็เริ่มยิงชัตเตอร์รัวๆ เพราะแสงเย็นสวยแล้ว

IMG_2270

แม้จะเหนื่อย แม้จะล้า แต่มันก็ภูมิใจนะครับ ที่ครั้งหนึ่ง เราได้มีประสบการณ์ไต่เขาขึ้นมายังยอดเขาที่ขึ้นชื่อว่ามีทางขึ้นอันตรายที่สุดในโลกมาแล้ว วิวด้านบนมันสวยมาก แต่วิวระหว่างทางมันก็ไม่ได้แพ้กันหรอกครับ มันสนุกเรื่องระหว่างทางนี่แหละ ที่ลุ้นว่าจะเจออะไร พอเจอทางขึ้นชันๆ ก็ยืนทำใจสักครู่ ก่อนจะลุยกันต่อ

IMG_2111

ผมไม่ได้ปีนครบทั้งห้ายอดนะครับ แต่แค่นี้ก็สุขใจแล้วครับ สงสารขาตัวเองด้วย เที่ยวแบบมีสติ เอาแบบที่กำลังไหว ไม่งั้นเดี๋ยวเดี้ยงมา มันจะไม่คุ้ม  อยางไรก็แล้วแต่ผมก็ตั้งใจไว้ว่าหากมีโอกาสกลับมาอีก ผมจะปีนให้ครบทั้งห้ายอดเลย

IMG_2118

ผมยืนดูทั้งวิว และดูทั้งนักท่องเที่ยวอย่างเงียบๆ สัมผัสได้ถึงความตื่นเต้นของแต่ละคน เขาก็คงเหมือนกับผม ที่รู้สึกว่าในที่สุด พวกเราก็มาถึงเป้าหมายจนได้ และนี่คือรางวัลของความพยายามของพวกเรา  เวลาผ่านไปได้ตามสมควรแก่การลงเขา ผมก็นั่งกระเช้าลงครับ แล้วก็นั่งรถบัสมายังสถานีฝากกระเป๋าอีก 20 หยวน  จากนั้นก็นั่งแทกซี่อีก 20 หยวน เพื่อไปยังสถานีรถไฟความเร็วสูง กลับไปยังซีอาน

เป็นอีกหนึ่งวัน ที่ชีวิตมีความสุขมากๆครับ

สรุปกิจกรรมวันนี้

  • นั่งรถไฟความเร็วสูงจาก Louyang Longmen Station > Huashan Bei 119.5 หยวน
  • นั่งแทกซี่มายังสถานีซื้อตั๋ว 20 หยวน
  • ซื้อตั๋วเข้าชม 180 หยวน
  • ตั๋วค่ารถบัสจากจุดลงกระเช้ามายังจุดซื้อตั๋วตอนแรก 20 หยวน
  • นั่งแท็กซี่กลับไปยังสถานีรถไฟ Louyang Longmen 20 หยวน
  • ซื้อตั๋วรถไฟความเร็วสูงไปยังสถานที Huashan Bei 54 หยวน

EN / FR

© Copyright BackpackStory.com.

Close