ในที่สุด เรื่องราวการเดินทางเที่ยวเมืองจีนของผม ก็มาสู่บทสุดท้ายแล้วนะครับ หลังจากที่ห่างหายการอัพเดทไปสักระยะ เนื่องจากต้องรีบปั่นงานหาเงินก่อนครับ ฮ่าๆ วันนี้มาดูกันว่า กิจกรรมในทริปนี้ที่เหลือนั้นมีอะไรบ้าง ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ชิลมาก ดื่มด่ำบรรยากาศเมืองเก่าซีอานกันเต็มที่เลย
วันนี้ผมออกจากโฮสเทล แล้วเดินไปยังกำแพงเมืองทิศใต้ของซีอานครับ ใกล้กับกำแพงเมืองมีอาคารวัฒนธรรมของจีนด้วย แต่ผมเข้าไปแล้ว เห็นมีแต่หยก กับกิจกรรมอะไรก็ไม่รู้ คนเยอะไปหมด ผมเลยไม่ได้เข้าชมเท่าไหร่ วันนี้ผมตั้งใจว่าผมจะออกไปปั่นจักรยานบนกำแพงเมืองซีอานครับ มันน่าสนุกไม่ใช่น้อย มามะ ตามผมมาโลด
ก่อนจะถึงกำแพงเมืองจีน เราจะเห็นลำคลองทอดตัวยาวไปตามกำแพงเมืองครับ น้ำเขาใสมาก มีกิจกรรมนั่งเรือชมบรรยากาศรอบกำแพงเมืองจีนด้วย ผมไปยืนดูสักพัก อากาศดีเหลือเกิน น้ำใส สายลมก็เย็น (จนหนาว) บรรยากาศเหมือนหลุดไปอยู่โลกของภาพยนตร์จีน
วันนี้คนไม่พลุกพล่านครับ ชิลกันไปเรื่อยๆ ซึ่งไอ้เจ้าลำคลองที่เราเห็นเนี่ย จริงๆมันก็คือคูเมืองครับ เป็นคูที่ล้อมรอบกำแพงเพื่อป้องกันข้าศึกที่จะมารุกราน ใครจะผ่านเข้าไปต้องฝ่าคูเมืองนี้ซะก่อน ตอนนี้ ชาวบ้านแถบนี้ผมเห็นเขาพากันนิยมมายืนๆ เดินๆ กัน อารมณ์สวนสาธารณะไปแล้วครับ
กำแพงเมืองซีอานใหญ่มาก สูงก็สูง หนาก็หนา เห็นแล้วได้แต่ทึ่งกับพี่จีนอีกแล้วว่าทำไมถึงสร้างอะไรได้ใหญ่โตแบบนี้นะ นี่ขนาดแค่กำแพงเมือง แล้วถ้าเป็นกำแพงเมืองจีนที่ว่ายาวๆหลายพันกิโลเมตร มันจะไม่อลังกว่านี้อีกเหรอ ผมได้แต่คิด แต่กระนั้นกำแพงเมืองซีอานนี่ถือว่าเป็นกำแพงโบราณที่สมบูรณ์ที่สุดของประเทศจีนที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบันเลยนะครับ ดีกรีขนาดนี้ ดังนั้นใครไปซีอานก็ไม่ควรพลาดเด็ดขาด เรียกได้ว่ากำแพงนี้คือมรดกตกทอดจากราชวงศ์หมิงมาให้ลูกหลานชาวจีนได้เชยชม
อายุอานามของกำแพงเมืองซีอานก็ราว 600 ปีครับ สร้างในสมัยราชวงศ์หมิง จากข้อมูลที่ผมศึกษามาบอกไว้ว่า กำแพงแห่งนี้สร้างขึ้นจากดิน อิฐ ผงปูน โดยมีน้ำตาลและข้าวเหนียวเป็นตัวประสาน กำแพงนี้มีความยาวโดยรอบ 13 กิโลเมตรครับ ภาพด้านบนเห็นเป็นช่องๆ นั่นคือช่องยิงธนูนะจ๊ะ มีทั้งหมด 589 ช่อง
ตั๋วเข้าไปเหยียบกำแพงเมืองซีอาน ก็ราคาไม่ใช่ถูกๆนะครับ 54 หยวนเลยทีเดียว แต่ก็เอาหน่า มาถึงแล้ว จัดสักหน่อย ผมก็ขึ้นไป ปรากฎว่า ยังครับยัง ตั๋วที่ว่าได้แค่ค่าเข้า หากจะปันจักรยานต้องไปเช่าจักรยานด้วย โอเคครับ เงินพันกำลังจะหมุนไป ผมเช่ามาอีก ค่าจักรยาน สองชั่วโมง 45 หยวน และต้องจ่ายมัดจำ 200 หยวน ครับ
กำแพงเมืองแห่งนี้เสมือประตูกั้นเวลาของสถาปัตยกรรม ฝั่งหนึ่งเป็นอาคารเก่าแก่ตั้งแต่ยุคราชวังศ์ถัง อีกฝั่งคือตึกสูงใหญ่เต็มไปด้วยแบรนด์เนม ซึ่งผมไม่ชอบความเป็นเมืองเอาเสียเลย มันดูไม่มีเสน่ห์เท่าไหร่ อาคารสไตล์จีนดูเก๋ไก๋กว่าเยอะ ภาพด้านบน ชาวจีนมารวมตัวกันหน้าหมู่บ้าน เพื่อประชุมอะไรสักอย่าง แต่พอผมไปดูใกล้ๆ เขากำลังเล่นไพ่กันครับ ฮ่าๆ
สำหรับคนที่มีเวลาเหลือ ผมแนะนำให้มาลองเที่ยวรอบกำแพงเมืองซีอานดูครับ มันสนุกดีนะ ตอนผมไปอากาศเย็นสบาย มองดูวิวเมืองเก่า ยิ่งตอนเย็นพระอาทิตย์ตกดิน สวยไม่เบาเลย
ผมชอบสะสมโมเด็ลมาก ไปประเทศไหนก็สัญหาของติดไม้ติดมือกลับมา มาเมืองซีอาน เลยได้ของชิ้นนี้ครับ ซื้อบนกำแพงเมืองจีนนี่แหละ จำไม่ได้ว่ากี่บาท แต่รู้สึกเหมือนไปซื้อแถวตลาดที่เมืองเก่า ราคาถูกกว่า เจ็บใจจริงๆ
ระยะทาง 13 กิโลเมตร คุณคิดว่าผมจะปั่นรอบไหมครับ? ไม่เลย ผมปั่นไปนิดนึงก็หยุดถ่ายรูป ดังนั้นเวลาที่ผมปั่นจึงไปได้เพียงแค่ขอบเดียวเองครับ ฮ่าๆ แค่นั้นผมก็โอเคแล้ว รีบปั่นจักรยานย้อนกลับมาคืน ผมจะได้ไปเที่ยวแหล่งถัดไป จริงๆคืออยู่ๆก็มองเห็นโดยบังเอิญระหว่างปั่นจักรยานครับ ว่าด้านล่างเหมือนจะมีของดีซ่อนอยู่
บรรยากาศถนนรอบกำแพงเมืองซีอาน เห้ย มันเจ๋งมาก ต้นไม้ฟอร์มตัวได้แปลกมากครับ คนก็เดินกันไปมาแบบชิลๆ อาคารบ้านเรือนก็เก่าได้อีก ผมมองเห็นงานศิลปะอยู่ด้านหน้า หัวใจของดีไซน์เนอร์แบบผมเต้นตุบตับ ตั้งสติหน่อยบักสน ผมเตือนตัวเอง แต่จริงๆสติหลุดไปนานแล้วครับ เจองานศิลปะทีไร ผมนี่รีบวิ่งแจ้นเข้าหาทุกที
งานเขียน งานวาด สไตล์จีนมีขายเยอะมากบนถนนเส้นนี้!!! อะไรกันเนี่ย มีแต่สวยๆ ผมมองดูแล้วก็กิเลสพุ่ง ซื้อมารัวๆ เอามาแต่งบ้านครับ ปกติผมไม่ใช่คนชอบชอปปิ้ง แต่ถ้าเจองานศิลปะ ผมนี่ตัวพ่อของการกวาดซื้อเลย แฮะๆ
ริมทางก็มีของที่ระลึกขายเยอะมาก เดินไปเรื่อยๆครับ ของราคาขายไม่เท่ากัน แล้วแต่จะต่อรองกันได้
ผมชอบต้นไม้ที่นี่จัง มันเหมือนกับถูกเนรมิตขึ้นมา รูปทรงเหมือนกันมากๆ
เหมือนถูกหยุดเวลาเอาไว้ แค่เดินดูบ้านเก่าๆก็ฟินแล้ว
หน้าลานหมู่บ้านมีกิจกรรมต่างๆเยอะเลยครับ ผมได้ยินเสียงขลุ่ยจีนเพราะมาก เลยเดินไปตามเสียงก็ปรากฎว่าเห็นคุณครูกำลังสอนน้องคนนี้ น้องเป่าได้เทพสุดๆ เพื่อนผมที่ไปเรียนอยู่จีนบอกว่า นี่คือการเรียนการสอนที่จีน ไม่จำเป็นต้องเรียนในห้องเรียนเสมอไป สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเงินก็จะมาเรียนด้านนอกอะไรกันแบบนี้ครับ
หลังจากเดินถัดจากเส้นถนนนี้ไปแล้ว เราก็จะเข้าใกล้หอกลอง หอระฆังครับ ย่านนั้นมีของกินอร่อยๆเต็มไปหมด ถนนมุสลิมก็ตั้งอยู่ตรงนั้นครับ
เมื่อเดินมาถึงถนนมุสลิม กลิ่นอาหารก็ลอยมาเตะจมูก อาห์ หอมเสียเหลือเกิน ผมอยากจะลิ้มรสแล้วสิ ว่าแล้วผมก็เดินเลือกอาหารที่ไม่เคยลองมาชิมอย่างเอร็ดอร่อย ที่นี่จะขายเนื้อแพะครับ มีหลายเมนูมาก เกี๋ยวเตี๋ยวเนื้อแพะ ผัดเผ็ดแพะ ปิ้งย่างแพะ ซึ่งถ้าใครไม่ชอบกลิ่นสาบของแพะก็อาจจะไม่สนุกเท่าไหร่ แต่ผมชอบนะ ผมว่ามันก็หอมดี ฮ่าๆ
พ่อครัวแม่ครัว และคนขาย ก็ล้วนแต่เป็นชาวมุสลิม บางคนนี่หน้าไม่มาจีนเลยครับ นึกว่าพวกแขกขาว แต่ละคนก็ดัดกลเม็ดเทคนิคแพรวพราวมาเรียกลูกค้า บางร้านก็เปิดเพลงเต้นไปทำกับข้าวไป คนจีนก็ยืนออถ่ายรูป บางคนก็พูดอะไรสักอย่าง ที่เรียกเสียงฮือฮาจากคนจีน เสียดายผมฟังไม่ออก
ส่วนร้านนี้ชำแหละแพะโชว์กันเลย ผมลองแล้ว อร่อยมาก เป็นเนื้อแพะคลุกพริกไทย แล้วเอามาย่างครับ พูดแล้วก็น้ำลายไหลแฮะ
มีแต่เนื้อแพะทั้งนั้นเลย ผมสังเกตอีกอย่างว่าจีนใช้ไม้เปลืองมาก! บางชิ้นไม้ยาวมาก มีอาหารเสียบอยู่นิดเดียว
ขนมอะไรก็ไม่รู้ครับ กรอบดี กินแล้วเหมือนกินแป้งจืดๆทอด ย้ำนะครับ ผมบอกว่ากรอบดี ไม่ได้บอกว่าอร่อยดี ชิ้นนี้ผมว่าเฉยๆครับ
กีบแพะต้ม!! อร่อยมากกกก เมนูนี้ผมแนะนำ มันเผ็ดหน่อยนึง แต่ก็เผ็ดแบบอร่อยครับ โอ้ย น้ำลายไหลอีกแล้ว
ตัวนี้ตอนแรกผมนึกว่าเป็นผลไม้ ที่ไหนได้คือของหวานครับ กินแล้วเหมือนกินข้าวเหนียวคลุกน้ำตาล
เวลาผ่านไปเร็วนะครับ ยิ่งเวลาที่เรามีความสุข มันผ่านไปแบบแทบจะไม่รู้ตัวเลย กำแพงเมืองซีอานในยามราตรีก็สวยเด่นเป็นสง่าไม่เบา
จีนเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่มากครับ แต่อย่างไรก็ตามผมมองว่าจีนยังพัฒนาประเทศไม่รอบด้านครับ เศรษฐกิจจีนเติบโตแบบก้าวกระโดด ในขณะนี่ด้านอื่นๆยังตามไม่ทัน เช่นเรื่องสุขอนามัย กำแพงสวยๆแบบนี้ ฮิๆ ห้องน้ำข้างในน่ากลัวมาก เป็นที่นั่งปลดทุกข์แบบยองๆ มีประตูสูงเพียงครึ่งเมตรกั้น กลิ่นรัญจวนเสียเหลือเกิน
และนี่แหละครับ เรื่องราวการเดินทางแบกเป้ตะลอนเมืองจีนของผม เป็นอีกหนึ่งทริปที่ผมมีความสุขมาก ได้เห็น ได้รู้จัก ได้สัมผัสกับอะไรหลายๆอย่าง ผมคิดถึงเรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้น ไม่รู้เป็นกันบ้างไหม เวลากลับมาบ้านแล้ว พอได้เห็นรูปถ่าย ความทรงจำต่างๆมันก็พร่างพรูเข้ามาในหัวของเรา เหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง
หลายๆคนที่กลัวเมืองจีน ผมว่านะครับ ทุกสังคมมันก็มีทั้งคนดีคนเลวปะปนกัน มันอยู่ที่ว่าเราดันไปเจอคนแบบไหนมากกว่า คนจีนส่วนใหญ่ที่ผมเจอคือคนดีครับ ดังนั้นอย่าไปกลัวเลยครับ ส่วนเรื่องห้องน้ำแบบตำนาน มันมีอยู่จริง แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องเข้าครับ ทำธุระให้เรียบร้อยจากโรงแรม ซึ่งตอนนี้ที่แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เขาทำดีมากแล้ว ดีกว่าห้องน้ำในบ้านเราอีก ที่สำคัญนะครับ เที่ยวจีนค่าใช้จ่ายไม่แพงอย่างที่คิด ค่าครองชีพเท่าๆกับอยู่กรุงเทพฯเลยครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามการเดินทางของผม มาร่วมกดไลค์ กดแชร์ และคอมเมนต์ในรูปภาพถ่ายที่ผมถ่ายมาฝาก ผมเองก็มีความสุขนะครับ ที่มีโอกาสได้นำภาพถ่ายมาฝากทุกท่าน หวังว่าจะชอบกัน แล้วเจอกันใหม่นะครับ