ดื่มด่ำความงามยามอรุณรุ่ง มุ่งสู่ภูเรือ และเชียงคาน ตอนจบ

November 30, 2012
Scroll Down

เนื้อหาในเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขียนต่อจาก “เรื่องนี้” นะครับ คลิกเพื่อเข้าไปอ่านได้เลยครับ เพราะว่าเป็นทริปเดียวกัน เพียงแค่แยกมาเขียนอีกเรื่องเพื่อไม่ให้เนื้อหาบล็อกยาวมากเกินไป เดี๋ยวจะเบื่อกันซะก่อน ฮ่าๆ

หลังจากที่ดื่มด่ำกับความสวยงานของแสงแรกแห่งรุ่งอรุณบนภูเรือแล้ว พวกผมก็พากันนั่งรถกลับมาเช็คเอาท์ออกจากที่พักครับ การเช็คเอาท์เค้าง่ายดีจัง แค่เอากุญแจทิ้งไว้หน้าห้องก็พอ แค่นั้นเอง!! ฮ่าๆ แล้วเราก็บึ่งรถไปกันต่อที่เชียงคาน จังหวัดเลยครับ

เชียงคานอยู่ห่างจากภูเรือประมาณ 100 กิโลเมตรครับ นั่งรถไม่นานก็ถึง เช่นเคยครับ ภารกิจแรกก็คือไปหาที่พักก่อน ที่เชียงคานมีเกสท์เฮาส์เยอะมากๆเลยครับ ทั้งซอยตลาด เดินไปเถอะ มีแต่ Guest House ราคาก็ไม่แพงเริ่มต้นที่ 400 บาทต่อห้อง ห้องหนึ่งนอนได้สองคน ผมก็เลือกห้องสี่ร้อยนั่นแหล่ะครับ เน้นประหยัด เป็นห้องเตียงเดี่ยว พัดลม ใช้ห้องน้ำรวมกันครับ หนึ่งชั้นมีหนึ่งห้องน้ำ สำหรับผมก็โอเค เพราะอาศัยอยู่ไม่นาน แค่คืนเดียวก็กลับครับ

เชียงคาน ในมุมมองส่วนตัวของผม ผมก็รู้สึกเฉยๆ กับที่นี่นะครับ แบบว่าเหมือนจะไปก็ได้ ไม่ไปผมก็ไม่รุ้สีกเสียดาย ฮ่าๆ เพราะผมหาเอกลักษณ์ของเค้าไม่เจอจริงๆ ก็เลยโทรหาเพื่อนที่เป็นทันตแพยท์ที่โรงพยาบาลเชียงคาน ว่าช่วยเป็นไกด์พาไปเที่ยวหน่อย ก็เลยได้ไปเที่ยวตามจุดต่างๆ หลายจุดครับ

DSC_7111

ในวันที่ผมไปนั้น เป็นวันที่เชียงคานมีงานออกพรรษาพอดีครับ คนก็เยอะเอาเรื่องเลย ผมก็เลยไปดูเค้าทำปราสาทผึ้งครับ มีมาประกวดกันเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ผมถ่ายภาพวัตถุไม่ค่อยเป็นเลยไม่ได้จับภาพมาฝาก ต้องขออภัยด้วยครับ ขอถ่ายภาพคนทำปราสาทผึ้งมาฝากแทนละกัน อิอิ

DSC_7155

จากนั้น เพื่อนผมก็พาไปยังแอ่งคุดคู้ครับ เป็นจุดที่สำคัญอีกจุดของชาวเชียงคาน มองไปอีกฝั่งของแม่น้ำโขงก็จะเห็นประเทศลาว และหมู่บ้านของเค้าอยู่ลิบๆครับ จุดนี้ได้แต่นั่งดูนะครับ ลงเล่นน้ำไม่ได้ เพราะกระแสน้ำเชี่ยวอย่าบอกใคร (ไกด์เค้าบอกมา ฮ่าๆ)

DSC_7168

มีเรือข้ามฟากไว้ให้บริการ สำหรับคนอยากจะไปเยือนดูประเทศเพื่อนบ้านเฮาครับ แต่ผมไม่ได้ใช้บริการ เพราะยังไม่รู้ว่าสิไปเบิ่งอีหยัง เดี๋ยวไว้คราวหน้าค่อยไปเที่ยวลาวแบบเต็มสตรีมดีกว่า

DSC_7218-2

ยามเย็นผมก็นั่งชมวิวที่ระเบียงของเกทเฮาส์ครับ สายลมพัดเย็นสบายดี มีเรือแล่นผ่านเป็นช่วงๆ

ตกดึกก็พากันไปเดินตลาดเชียงคานครับ เป็นตลาดที่ยาวมากๆ แต่ของขาย ก็เหมือนขายในตลาดทั่วไปครับ ถ้าเราเดินจตุจักรบ่อย ของที่นี่ก็ไม่ต่างอะไรจากที่จตุจักรครับ แฮะๆ เสื้อ I LOVE เชียงคาน นี่มีเกลื่อนมาก โดยส่วนตัว ผมละอยากเห็นลายอื่นบ้าง ไปที่ไหนๆ ก็เจอแต่ I LOVE แล้วเปลี่ยนสถานที่เอา (บักสน เอ็งนี่เรื่องมากจริงๆ! หลายคนคงจะเริ่มหมั่นไส้ ฮ่าๆ)

DSC_7122

อย่างไรก็แล้วแต่ มาเชียงคานทั้งที่ ก็ต้องมีของฝากติดไม้ติดมือกลับไปฝากญาติโกโหติกาบ้าง ผมเดินหานานมากๆเลยครับ ว่าจะซื้ออะไรดีน๊า เพราะมองไปทางไหนก็มีแต่ของตลาดๆทั่วไป แล้วก็มาสะดุดกับผ้าขาวม้ากองนี้ครับ นี่แหละ น่าจะเป็นเชียงคานที่สุดแล้วในบรรดาของฝาก ผมซื้อมาในราคาผืนละ 80 บาท แต่…เดินไปอีกไม่ไกล ก็เจออีกกอง ราคาผืนละ 70 ฮ่าๆ ดังนั้นใครจะซื้อของก็ลองเดินๆดูก่อนแล้วค่อยซื้อก็ได้นะครับ แต่สำหรับผม เวลาซื้อของพอถูกใจก็ซื้อเลย ขี้เกียจไปหาเอาข้างหน้า ราคาเท่าไหร่ ก็ซื้อๆเหอะ ต่างกันไม่มาก เมื่อเทียบกับต้องเดินย้อนไปมา เพื่อจะซื้อของชิ้นสองชิ้น แฮะๆ

แบ็คแพ็คครั้งนี้กินเวลา 3 วันกับ 2 คืน สนุกมากๆครับ ระหว่างทางก็ได้เห็นวิวทิวทัศน์ของจังหวัดต่างๆ ที่ภูเรือเองบนจุดชมวิวก็สวยมากๆ ผมอยากไปเยือนอีกครั้ง ส่วนที่เชียงคานก็เหมาะสำหรับคนที่อยากไปเที่ยวความเป็นคันทรี่แต่ยังมีความเป็นเมืองอยู่ด้วย (อธิบายไม่ถูก เพราะมันจะว่าบ้านนอก ก็ไม่บ้านนอก จะว่าเป็นตัวเมือง มันก็ไม่เหมือนตัวเมืองเสียทีเดียว อยากรู้ต้องไปดูเองครับ) ส่วนค่าใช้จ่ายค่ารถ ค่ากิน ค่าที่พัก ก็หารกันแล้ว หมดกันคนละ 1,200 บาทครับผม ประหยัดมาก เพราะว่านั่งรถติดแก็ส ราคาแก็สถูก ฮ่าๆ สำหรับใครที่อยากจะไปเยือนที่แห่งนี้ก็เชิญนะครับ ^^

EN / FR

© Copyright BackpackStory.com.

Close