สวัสดีปีใหม่ครับผม เป็นอย่างไรกันบ้างน้อกับวันหยุดยาวๆช่วงเทศกาลปีใหม่ หลายๆคนก็กลับไปบ้านไปหาพ่อแม่ หลายๆคนก็ออกเดินทางไปท่องเที่ยว ส่วนตัวผมนั้น กลับบ้านไปพักผ่อน กราบพ่อกราบแม่ในวันหยุดครับ
เมื่อปีที่แล้วผมเคยนำผลงานถ่ายภาพเกี่ยวกับบ้านเกิดของผมมาให้ติดตามกัน วันนี้ผมก็มีภาพบรรยากาศและเรื่องราวๆต่างๆที่หมู่บ้านผม ในช่วงหน้าหนาวมาเล่าสู่กันฟังอีกเช่นเคยครับ มาดูกันเนาะ
ในขณะที่กรุงเทพร้อนอบอ้าว แถมก่อนวันกลับบ้านสองวัน ฝนก็กระหน่ำลงมาอย่างกะพายุเข้า แต่ที่อีสานบ้านผมกลับหนาวเหน็บมาก คุณพ่อโทรมาบอกว่า เอาเสื้อกันหนาวกลับบ้านด้วยนะลูก บ้านเราหนาวแท้ๆ ผมก็นั่งเครื่องกลับบ้าน พอถึงสนามบินก็สัมผัสได้ถึงอากาศที่เย็นๆ และยิ่งเมื่อถึงบ้านแล้ว ตอนเย็น อากาศก็เย็นได้ใจจริงๆครับ
หมู่บ้านที่ผมอยู่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ความเจริญทางเทคโนโลยียังเข้าไปไม่ถึงมากเท่าไหร่นัก อยู่ห่างจากนครวัดของกัมพูชาแค่ 200 กิโลเมตรเท่านั้น เป็นสถานที่ที่ไม่ติดแม่น้ำ ไม่ติดภูเขา ไม่ติดทะเล ไม่มีอะไรเลย นอกจากทุ่งนากว้างใหญ่ไพศาล
ทุกๆครั้งที่เดินทางกลับบ้าน บรรดาน้องๆผมก็จะพากันวิ่งกรูมาหา และแน่นอนครับ ทุกคนขอให้ถ่ายรูปให้ น้องๆผมบ้ากล้องกันมาก อยากเป็นนางแบบนายแบบ ฮ่าๆ ผมก็เลย อ่ะ จัดให้ แต่สถานทีแถวบ้านก็มีแค่ทุ่งนา ก็ถ่ายกันตามมีตามเกิดนี่แหล่ะครับ
ในช่วงเย็นสักหน่อย แสงจันทร์เริ่มส่องให้เห็นเด่นขึ้นมา น้องๆผมบอกว่า พี่ชายครับ ผมอยากไปถ่ายภาพบนเนินนั้น เป็นเนินเล็กๆครับ มีต้นสะเดาจิ่วๆขึ้นอยู่ข้างๆ แล้วเจ้าเด็กน้อยทั้งหลายก็ปีนกันขึ้นไปอย่างสนุกสนาน
คุณยายผมท่านก็ดีใจมากที่ลูกหลานกลับบ้าน ท่านรู้ครับว่าอยู่เมืองกรุง คงไม่อดอยากหรอก แต่ท่านก็บอกว่า อาหารบ้านเราแม้จะไม่หรูหราเหมือนเมืองกรุง แต่การได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตามันก็อิ่มอกอิ่มใจนะหลานเอ๊ย วันต่อมา ยายก็จับเสียบถือครุ ออกไปทุ่งนา ไปหาขุดมันที่ปลูกไว้มาต้มให้หลานกินครับ ผมก็ออกไปเป็นลูกมือ (และเป็นตากล้องรอถ่ายตอนยายเผลอ)
อาหารการกินของพวกเราชาวอีสานก็ง่ายๆครับ กินกันตามมีตามเกิด หน้านี้จะมีน้ำขังอยู่ เป็นแหล่งที่อยู่ของกุ้งหอยปูปลา ชาวบ้านจะเอาไม้ไปสุมๆไว้ให้ปลากระจุกกันอยู่ พอจะจับมากินทีก็ใช้สวิงไปช้อนแบบนี้แหล่ะครับ คุณน้าผมได้กุ้งมาหนึ่งจานใหญ่เลย
หมุ่บ้านผม แม้จะอยู่ที่อีสาน แต่พวกเราไม่ได้พูดลาวนะครับ เราพูดภาษาเขมร ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ จะมีชุมชนพูดเขมรกันค่อนข้างเยอะ เวลาผมไปเที่ยวกัมพูชาเลยได้เปรียบเรื่องภาษา ฮ่าๆ
ผมชอบถ่ายภาพแนววิถีชีวิตมาก เพราะผมมองว่ามันมีเรื่องราวในนั้น (จริงๆทุกภาพก็มีหมดนั่นแหล่ะ แค่ชอบแนวนี้มากเป็นพิเศษแค่นั้นเองครับ แฮะๆ)
รอบนี้คุณน้าต้องการแค่กุ้ง ปลาซิวปลาสร้อยถอยไป ไม่ยุ่งครับ เน้นกุ้งอย่างเดียว
แต่กุ้งมันก็ฉลาดนะครับ แรกๆเนี่ยกุ้งจะมาเกยกันแถวขอบสระเต็มเลย แต่พอเราเริ่มช้อนมัน มันก็พากันถอยลงกลางสระ เอ๊ะ หรือบางทีเพราะว่ากุ้งมันมีแค่นั้น?
น้าผมช้อนกุ้งได้จำนวนหนึ่งก็บอกว่า พอแล้ว เดี๋ยวไปช่วยยายขุดมันต่อ
วันหนึ่งระหว่างผมนั่งๆนอนๆอยู่ที่บ้าน ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ และคนโทรมาก็บอกว่า “สน พี่สิไปยามเจ้าเด้อ ไปเบิ่งว่าบ้านเจ้าเป็นแนวใด” รุ่นพี่ผมที่รู้จักกันอยากจะแวะมาเยี่ยมบ้านนั่นเอง มาถึงผมก็ไม่รู้จะพาไปเที่ยวไหน ก็พาไปทุ่งนาอีกเช่นเคย คราวนี้น้องๆผมก็ตามไปด้วยเป็นขบวน พี่ก็ถามว่า แถวนี้เหรอที่ใช้เป็นฉากถ่ายภาพตอนเอาลงเฟส ผมก็บอกว่าใช่แล้ว นี่แหล่ะ ง่ายๆแบบนี้แหละ ฮ่าๆ
แม่ผมเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนหนาวๆ แม่จะพากันซุกตัวในกองฟางนี่แหล่ะครับ เพราะเสื้อกันหนาวก็ไม่ค่อยมีกันเท่าไหร่ ส่วนผมสมัยเด็กชอบมุดกองฟาง บางครั้งก็สร้างโพรงขึ้นมา เล่นซ่อนหากัน สนุกสนาน
ท้องฟ้าในหน้าหนาว สวยเหลือเกินครับ ผมชอบมาก นั่งดูวิวทิวทัศน์กับน้องๆ
สนุกสนานกันได้เวลา เจ้าน้องชายก็อุ้มน้องสาว แล้วบอกว่า ป่ะ..กลับบ้านกัน เดี๋ยวพี่อุ้ม
ท้องฟ้าแบบนี้ ผมชอบถ่ายภาพซิลูเอท
ความสุขนั้นมีอยู่รอบๆตัวเรานี่แหล่ะครับ กลับบ้านปีใหม่ครั้งนี้สุขกายสบายใจมากๆ เป็นช่วงวันหยุดที่มีค่าอีกวัน แล้วเพื่อนๆละครับ กลับบ้านหรือไปเที่ยวกันมา มีอะไรมาเล่าแลกเปลี่ยนกันบ้างไหมครับ? ผมอยากฟังอยู่เด้อครับ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ แล้วเจอกันใหม่คร้าบ