สวัสดีคร้าบพี่น้องชาวแบ็คแพ็คทุกท่าน วันนี้ผมกลับมาอัพเดทเรื่องราวการท่องเที่ยวตอนใหม่ แบบสดๆร้อนๆเลยนะครับ นั่นก็คือการเดินทางเที่ยวเกาะหลีเป๊ะนั่นเอง
เกาะหลีเป๊ะ เป็นเกาะที่ผมเคยมาเที่ยวแล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังเที่ยวไม่จุใจ เพราะครั้งนั้นมาน้อยวันเกินไป ครั้งนี้ผมเลยตั้งใจใหม่ จะเอาให้อิ่มเต็มที่ครับ มาดูกันว่าทริปนี้เป็นอย่างไร
ผมขอสรุปแผนที่การเดินทางคร่าวๆดังนี้นะครับ
- นั่งเครื่องบินไปลงที่สนามบินหาดใหญ่ (ผมนั่งไฟลท์ 7:25 น.)
- เดินออกมาจากสนามบิน นั่งรถสองแถว 30 บาท ไปยังตลาดเกษตรฯ
- ซื้อตั๋วรถตู้ไปยังท่าเรือปากบารา พร้อมเรือสปีดโบ๊ท ราคาไปกลับ 1,250 บาท
- เมื่อถึงเกาะหลีเป๊ะ เราต้องจ่ายค่าเข้าเกาะอีกนะครับ 50 บาท และค่าเก็บขยะ 20 บาท รวมเป็น 70 บาท
- ออกจากหลีเป๊ะ ต้องนั่งเรือไปยังโป๊ะอีก จ่ายค่าเรือคนละ 50 บาท
- สองคืนแรกพักที่กษิรินทร์ 2 อยู่แถวๆ Walking Street ครับ ที่พักดี แต่น้ำในห้องน้ำเวลาอาบน้ำมันไหลเบาไป ผมไม่ค่อยชอบ อาบไม่สะใจครับ นอนกันสามคน ราคาห้องพัก 2,300 บาทต่อคืน + ที่นอนเสริม คืนละ 550 บาท รวมสองคืน 5700 บาท
- คืนที่สาม ย้ายที่พักไปที่ Lipe Inn อยู่ติดถนนคนเดินเช่นกันครับ ที่พักดีมาก ทุกอย่างดี แนะนำครับ ราคา 1,800 บาท เตียงใหญ่นอนสามคนได้สบาย
- คืนที่สี่ นอนที่หาดใหญ่ โรงแรม Tunes Hotels แนะนำเลยครับ ที่พักดี ราคาถูกครับ ใกล้ตลาดด้วยเดินเล่นได้สบาย ราคา 859 บาท
- โปรแกรมทัวร์ ผมเที่ยวดำน้ำทั้งสองวัน เลือกเที่ยวแบบทั้งสองโปรแกรม โปรแกรมละวันครับ ใช้วิธีเหมาเรือไปเอง วันแรกเกาะรอบใน ค่าเรือ 1,500 บาท (วันนี้จองผ่าน Agency) ไม่มีอาหารให้นะครับ แต่สามารถไปซื้ออาหารกลางวันได้ที่เกาะราวี และขอให้เค้าแถมอุปกรณ์ดำน้ำ snorkeling ให้
- โปรแกรมทัวร์วันที่สอง ไปดำน้ำ เกาะรอบนอก ครั้งนี้ผมเดินไปติดต่อชาวเลที่อยู่หาด Sun rise หน้าโรงเรียนแทนครับ พี่ๆเค้าใจดีมาก อัธยาศัยดี ราคา 1,800 บาท ได้ snorkeling มาด้วย ไม่มีอาหารเช่นเคย ต้องเตรียมไปนะครับ เกาะรอบนอกไม่มีร้านอาหารขายบนเกาะเลย
- ค่าอาหารบนเกาะราคาค่อนข้างแพงมากครับ ราคาประมาณ 4350 บาท (รวมทั้งทริป)
สรุปทริปนี้หมดค่าใช้จ่ายประมาณ 6800 บาท / คน (มากันทั้งหมด 3 คนครับ และไม่รวมค่าเครื่องบิน)
เอาละครับ ทีนี้มาดูบรรยากาศการเดินทางกันครับ
ทริปนี้ผมเดินทางเที่ยวกันสามคน สองคนเดินทางจากกรุงเทพฯ อีกหนึ่งคนเดินทางจากเกาะลันตา ผมเลือกเดินทางโดยเครื่องบินมาลงที่หาดใหญ่ครับ จากนั้นเราสองคนก็เดินไปที่เคาเตอร์เพื่อสอบถามราคาค่าเดินทางมายังเกาะหลีเป๊ะ ในสนามบินขายตั๋วรถตู้ พร้อมนั่งเรือไปเกาะ ราคาไปกลับ 1,800 บาท ไปอยางเดียว 1,000 บาท ผมว่าแพงไป เลยเดินออกมาข้างนอก แล้วนั่งรถสองแถวแทนครับ ราคา 30 บาทเท่านั้น ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ก็ถึงคิวรถตู้แล้วครับ
จากนั้นก็ซื้อตั๋วรถตู้พร้อมเรือสปีดโบ๊ทไปยังเกาะหลีเป๊ะ ราคาไปกลับ 1,250 บาทครับ รถตู้ไปส่งที่ท่าเรือปากบารา ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครับ ผมไปถึงท่าเรือปากบาราและรอขึ้นเรือตอน 13:00 น. แต่ว่าวันนี้เรือเลทมาก อย่างไรก็แล้วแต่จากท่าเรือปากบาราไปยังหลีเป๊ะ ใช้เวลาเพียง 1:30 ชั่วโมงเท่านั้นครับ เร็วมากๆ
เกาะหลีเป๊ะ เป็นเกาะที่สวยงามมาก แม้จะมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่หาดทรายและน้ำทะเลที่นี้ก็กินขาดครับ ทรายละเอียดประดุจดั่งผงแป้ง น้ำใสเห็นปะการังด้านล่าง และฝูงปลาน้อยใหญ่เวียนว่ายไปมา ชวนให้ตื่นเต้นมากมาย
บนเกาะหลีเป๊ะ ที่พักมีหลายแบบให้เลือกพักครับ ช่วงที่ผมไปคือเป็น High Season ราคาที่พักเลยพุ่งสู่เมฆ แพงมาก บอกเลย ฮ่าๆ ที่พักแบบติดชายหาด เต็มหมด ผมเลยพักย่าน Walking Street แทน ที่พักโอเคเลยครับ เกาะนี้มันไม่ใหญ่มาก ถ้าไม่ได้ที่พักติดหาดก็อย่าไปซีเรียสครับ เดินเล่นแป็บเดียวก็ถึงหน้าหาดแล้ว
ดูสิครับ หาดทรายขาวละเอียด แนะนำให้ถอดรองเท้าเดินเพื่อให้ได้สัมผัสผืนทรายอย่างเต็มที่ มีความสุขล้นเหลือครับ เพื่อนผมพึ่งจะเคยมาหลีเป๊ะครั้งแรก บอกว่าประทับใจมาก ลืมทะเลที่เคยไปมาจนหมดสิ้น ไม่ต่างอะไรจากผม เพราะที่นี่คือทะเลที่สวยที่สุดในบรรดาที่เคยไปเที่ยวทะเลมา
แค่ระหว่างนั่งเรือเข้าเกาะ เห็นน้ำใสๆ มองไปใต้น้ำเห็นเหล่าปะการังเต็มผืนน้ำ ผมก็ตื่นเต้นสุดๆแล้วครับ อยากจะดำผุดดำว่าย เชยชมโลกใต้ทะเลให้เต็มตา
เกาะหลีเป๊ะผมว่าก็เลอค่าแล้ว แต่บรรดาเกาะที่อยู่ในโปรแกรมเที่ยวในแต่ละวัน มันเลอค่ายิ่งกว่ามากๆๆๆ ครับ แนะนำเลย หากมีเวลาน้อย ก็ให้เลือกโปรแกรมเที่ยวเกาะรอบในครับ ถ้ามีเวลาเที่ยวเพิ่มขึ้นก็บวกเกาะรอบนอกไปด้วย สวยต่างกัน ไม่อาจเทียบกันได้ อยู่ที่ว่าเราชอบแบบไหน ภาพด้านบน ถ่ายที่หาดยาว บนเกาะราวีครับ น้ำใสเกิ๊น ศัพท์สมัยนี้คงต้องบอกว่าสวยจนร้องขอชีวิตกระมัง ฮ่าๆ
เกาะราวี มีอาหารขายด้วยนะครับ อ้อ เรื่องอาหารบนเกาะนี้ราคาแพงนะครับ ต้องทำใจ เพราะค่าขนส่งน่าจะแพงด้วยเหมือนกัน เกาะราวี เหมาะกับการแวะมานั่งพักทานอาหารกลางวัน แล้วก็ถ่ายภาพชิลๆริมหาดทรายที่สวยเวอร์ๆ อยากดำน้ำเหรอ ก็ดำได้เลย ปะการังเยอะแยะรอคุณอยู่!
เนื่องจากผมเหมาเรือไปเอง เลยลัลล้าได้เต็มที่ จะอยู่เกาะไหนนานเท่าไหร่ก็สุดแต่ใจจะไขว่ขว้า บางเกาะก็มีแค่พวกเรา ดูเหมือนเกาะส่วนตัวมากๆ อิอิ
ในโปรแกรมทัวร์เกาะรอบใน จะได้แวะเกาะแห่งนี้ด้วยครับ “เกาะหินงาม” เกาะประหลาด ที่ไม่มีทรายสักเม็ด มีแต่หินมนๆเต็มไปหมด เกาะแห่งนี้ถือว่าเป็นสถานที่น่าไปมาก เมื่อก่อนคนมาก็จะพากันซ้อนหิน แต่ตอนนี้อุทยานไม่ให้ทำแล้วครับ มันเป็นการทำลายธรรมชาติ ดังนั้นใครมาก็ไม่ต้องไปซ้อนมันนะครับ (ผมก็แอบเห็นหินซ้อนๆกันอยู่ บางคนยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุจริงๆ) อ้อ เกาะแห่งนี้หินสวยมาก ทำให้หลายๆคนอยากเอามันกลับไปบ้าน แต่ช้าก่อน เกาะแห่งนี้เค้าทำการสาปแช่งพวกเอาหินกลับบ้านได้ร้ายกาจมาก อ่านแล้ว สะดุ้งเลยครับ อยากรู้ว่าเค้าสาปแช่งรุนแรงแค่ไหน ต้องไปดูด้วยตาตัวเอง ฮ่าๆ
พวกเราสามคนสนุกกันมาก กระโดดโลดเต้นจนหมดแรง ทำไงได้ละครับ ก็ทะเลเมืองไทยสวยขนาดนี้ ได้มาเห็นก็เป็นบุญตาแล้ว ขอเต็มที่กับชีวิตหน่อยเหอะ
ความฟินจริงๆ มันอยู่ที่โลกใต้ท้องทะเลครับ ทุกที่ที่เราไปดำน้ำ โอ้โห สวยเวอร์ ไม่ว่าจะเป็นตรงจุดร่องน้ำจาบัง ที่แม้จะเป็นน้ำลึก กระแสไหลแรง ต้องเกาะเชือก แต่เราก็จะเห็นปะการังหลากสี พร้อมฝูงปลาแหวกว่าย หรือถัดมาตรงแถวๆใกล้เกาะหินงาม ตรงนี้น้ำตื้นครับ แต่ดาษดื่นไปด้วยปะการังหลากเผ่าพันธุ์ ย้ำอีกครั้ง หลากเผ่าพันธุ์!! คือเป็นอะไรที่ตื่นตาตื่นใจมาก ว่ายไปแป็บนึงเจอปะการังแบบนึง ถัดไปอีกหน่อยก็เป็นอีกแบบ คือผมคิดในใจว่า เห้ย นี่มันแฟนตาซีชัดๆ! ภาพด้านบนถ่ายที่จุดดำน้ำที่เกาะอาดัง เต็มไปด้วยหอยมือเสือขนาดน้อยใหญ่ครับ สุดยอดมากๆ
น้ำทะเลสีสวย หาดทรายขาวละเอียด ทะเลไทย สวยไม่แพ้ที่ไหนๆในโลกครับ
เกาะรอบในว่าสวยแล้ว เกาะรอบนอกก็ยิ่งสวยครับ ใช้เวลาเดินทางกว่าหน่อย แต่คุ้มค่าที่เสียไป มีจุดให้ชิล ให้ดำ ให้ว่าย ให้กรี๊ด การันตีว่าคุณจะต้องชอบ
ภาพด้านบนนี้ เพื่อนผมกำลังฟินสุดๆกับน้ำทะเลใสๆที่เกาะรอกลอย (อ่านว่า รอก-ลอย) เพื่อนบอกว่า ลืมทะเลอื่นๆจนหมดสิ้น พอกันทีกับทะเลที่เคยไปเยือน ฮ่าๆ
ยัง ยังไม่หมดครับ ความฟินของทริปนี้ยังไม่จบง่ายๆ แต่ละเกาะ แต่ละจุดที่ไปเยือน มีแต่เรื่องทำให้ประทับใจ อย่างภาพนี้ ถ่ายที่เกาะดง โอ้วพระเจ้า ใต้ทะเลเต็มไปด้วยปะการังผักกาดครับ สวยงามเลอค่าควรแก่การสักการะ ฮ่าๆ หาดก็สวยจนไม่รู้จะพรรณาอย่างไรแล้ว
เกาะรอบนอกคนไม่ค่อยเยอะด้วยครับ ยิ่งเป็นส่วนตัวเข้าไปใหญ่ อาห์ ขอบคุณสวรรค์ที่ประทานพรให้พวกเราได้มีความสุขกับชีวิตนี้
ถ่ายภาพริมหาดแล้ว จะขึ้นไปถ่ายภาพแบบมุมสูงดูก็ได้นะครับ ที่เกาะรอกลอย มีจุดชมวิวหลายจุดเลย แต่ปีนไปก็ระวังกันหน่อยนะครับ ความปลอดภัยเป็นสิ่งแรกที่เราต้องคำนึงถึง อย่ามัวสนุก ยืนถ่ายเซลฟี่ จนพลัดตกหน้าผา แบบนี้ไม่โอ
ครั้งหน้าผมจะพยายามฟิตหุ่นให้บึกบึนกว่านี้ ตอนนี้เอาหุ่นก้างๆไปก่อนครับ ภาพถ่ายนี้แลกมาด้วยการสูญเสีย iPhone ไปหนึ่งเครื่อง ฮ่าๆ มัวแต่เพลินจนลืมเอา iPhone ออกจากกระเป๋ากางเกง แทบร้องไห้
เกาะผึ้งน้อย เป็นเกาะเล็กๆในหมู่เกาะรอบนอก แต่โลกใต้ทะเลไม่เล็กเลย อลังการไม่แพ้จุดอื่นๆ ผมชอบมาก ยิ่งตอนผมไปถึง เป็นช่วงบ่ายคล้อยแล้ว แสงแดดได้จังหวะ ยิ่งทำให้เกาะแห่งนี้ทรงเสน่ห์มากยิ่งขึ้นไปอีก เสียดายเอากล้องลงไปด้วยไม่ได้ เลยไม่มีภาพจากบนเกาะ แต่ถ้าใครมีกล้องกันน้ำ ที่นี่ถ่ายรูปสวยมากๆ
ปะการังด้านล่าง คือหมู่มวลดอกไม้ทะเล ฝูงปลานีโม่ และทั้งเกาะทั้งอาณาบริเวณในวันนั้น มีแค่พวกเราสามคนดำผุดดำว่ายกัน ชวนกันดูฝูงปลาน้อยใหญ่ ที่แหวกว่ายมาท้าทายสายตา
ถามว่ามีความสุขไหม ตอบได้เลยว่า มีความสุขมากครับ ทริปนี้ได้เพื่อนร่วมเดินทางดี ธรรมชาติดี กินอยู่ดี เที่ยวไปก็ภูมิใจในความสวยงามของทรัพยากรทางธรรมชาติของเมืองไทย ว่าประเทศเรานี้แสนดีนักหนา เหลือแต่ว่าเราจะเห็นคุณค่าและยังรักษาความสวยงามของมันไว้ได้นานแค่ไหน
เกาะหลีเป๊ะ เต็มไปด้วยฝรั่งมังค่า คนไทยหลายคนอาจจะรู้สึกเกินอาจเอื้อมเนื่องจากค่าครองชีพบนเกาะราคาสูงจริงอะไรจริง ผมแนะนำว่าให้หาเพื่อนไปครับ อย่างน้อยไปกันสองสามคนก็พอช่วยกันแชร์ค่ากินอยู่ได้ อาหารจะซื้อไปตุนจากบนฝั่งก็ได้นะครับ ส่วนเรื่องทัวร์ ก็ไปแบบ One Day Trip ก็ได้ครับ จากการเดินสำรวจ เที่ยวเกาะรอบใน 550 บาท ต่อท่าน ส่วนเกาะรอบนอก 650 บาทต่อท่านครับ (ราคา ณ วันนี้ที่ดู)
งบ 6,800 บาทแบบคร่าวๆ กับประสบการณ์ชีวิตที่ล้ำค่า สำหรับผมเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ประทับใจมาก หากมีโอกาสจะกลับมาเยือนอีกแน่ๆ สำหรับใครจะมาดำน้ำ ทั้งวันแบบผม แนะนำนะครับ ครีมกันแดด เสื้อแขนยาวครับ(แบบใส่ว่ายน้ำได้) เพราะแดดมันเปรี้ยงมาก ตอนนี้สภาพผิวผมเกรียม แสบปวดร้อนมากครับ เนื่องจากโดนแดดเผา ไม่อยากให้เป็นเหมือนผม ฮ่าๆ และที่สำคัญ มาทะเลอย่ากลัวดำครับ มาถึงแล้วควรฟินให้เต็มที่ เอิ้กๆ เอาละครับ อ่านจบแล้ว จัดกระเป๋า แล้วไปเที่ยวทะเลกัน!!