ผมไปเที่ยวกระบี่หลายครั้งแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกาะลันตา เรียกได้ว่าผมไปเกือบจะทุกปี เพราะมีพี่ที่เคารพรักหลายคนเป็นชาวเกาะที่นั่น ยามมีโอกาสและเวลาว่างเมื่อไหร่ผมจึงไม่พลาดที่จะไปพักผ่อนที่เกาะแห่งนี้ ด้วยความที่ตัวเกาะเองก็ค่อนข้างสงบอยู่แล้ว แต่เกาะที่อยู่รายล้อมก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ผมก็ไปเกือบจะทุกเกาะแล้ว ยกเว้นอยู่หนึ่งที่ที่พลาดตลอด นั่นก็คือ “เกาะรอก”
“อะไรนะ? สนยังไม่เคยไปเกาะรอกเหรอ?” พี่เต้ยแห่งลันตาทูเดย์ถาม
“ครับ ยังไม่เคยไปเลย มาทีไรก็ไปแต่เกาะอื่นทุกที”
“หูย น้องพี่ เธอพลาดของดีแล้วแหละ ทริปนี้ห้ามพลาดนะจ๊ะ เดี๋ยวพี่สาวคนนี้จัดให้”
ว่าแล้ว ผมก็ได้แพลนไปเที่ยวเกาะรอกแบบจับพลัดจับผลูมาแบบงงๆ แต่ก็นะ พี่สาวใจดีจัดให้ ผมก็ไม่ขอขัดศรัทธา
ผมออกไปยังท่าเรือตอน 8:45 น. ไกด์บนเรือบอกว่าเราจะใช้เวลาเดินทางจากเกาะลันตาไปยังเกาะรอก ราว 1 ชั่วโมง ระหว่างนี้ ใครใครนอน ก็นอน ใครใครถ่ายรูปก็จัดไป แต่กรุณาใช้ความระมัดระวังอย่าเดินเล่นเพ่นพ่านบนเรือ มันอันตรายครับผม
ระหว่างที่นั่งบนเรือ ก็สไตล์บักสนคนชอบเมาท์ครับ ก็ทักทายเพื่อนร่วมเดินทางที่นั่งเรือไปด้วยกัน ผมว่าก็สนุกดีนะ เวลาได้นั่งแลกเปลี่ยนเรื่องราวสถานที่ท่องเที่ยวที่แต่ละคนเคยไปมา บางทีทำให้เราได้รู้จักสถานที่ใหม่ๆด้วย
วันนี้เป็นทริปที่เอเชียเกินครึ่ง มีแต่คนจีนทั้งนั้นเลยคับ ฝรั่งมีไม่เยอะเท่าไหร่ ผมเองด้วยความที่มีประสบการณ์ไปเที่ยวจีนมาบ้าง และพยายามเรียนรู้ภาษาจีนก็เลยพอถูๆไถๆไปบ้าง จึงสนทนาพาทีกับคนจีนในกลุ่มทัวร์ได้ คนจีนก็ดูตื่นเต้นกันใหญ่ ยิ่งพอผมทักว่า พวกคุณพูดภาษาของกวางโจวอยู่ใช่ไหม เค้าก็ยิ่งแปลกใจว่าผมรู้ได้อย่างไร ผมก็ตอบไปว่า ผมเคยได้ยินคนกวางโจวพูดสำเนียงแบบนี้
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เราก็มาถึงเกาะรอกครับ นักท่องเที่ยวทั้งหลายต่างก็พากันหยิบกล้องมาถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอกันใหญ่ เสียงฮือฮาดังไปทั่วทั้งเรือ เพราะน้ำที่เกาะรอกใสมากกกก เติม ก. ไก่ อีกสิบตัว แถมหาดทรายก็ขาวสุดๆ แกงค์คนจีนนี่ยิ่งเพิ่มพลังเสียงดังขึ้นไปอีก
“เราจะแวะเข้าไปที่เกาะรอกนี้ก่อน เพื่อเอาอาหารลงไปไว้นะครับ แต่เราจะไม่ลงที่นี่ เราจะไปดำน้ำที่เกาะรอกตรงโน้น สองจุด ส่วนตรงนี้เราจะแวะกลับเข้ามาตอนเที่ยง เพื่อมาทานอาหารกลางวันกัน” ไกด์พูดขึ้นมา
หลังจากลำเลียงอาหารขึ้นไปบนเกาะเรียบร้อยแล้ว เรือก็พาพวกเราไปยังจุดดำน้ำสนอกเกิลจุดแรก ผมเองก็พร้อมแล้ว อย่างจะไปดำผุดดำว่ายเสียเหลือเกิน ชีวิตต้องการทะเล ฮ่าๆ
ในบรรดานักท่องเที่ยวก็มีทั้งคนว่ายน้ำเป็นและไม่เป็น ไกด์ก็จะสอนการใช้งานอุปกรณ์ก่อนนะครับว่าใช้ยังไง คนที่ว่ายน้ำไม่แข็ง ก็อย่าลืมใส่เสื้อชูชีพนะ บรรดาคนจีนนั้นไม่มีประสบการณ์การใช้หน้ากากดำน้ำมาก่อนครับ เขาก็เลยดูกลัวๆ
ส่วนตัวผมเองนั้น ผมชอบการว่ายน้ำมากๆ ก็เลยลงน้ำตู้มไปเลย ดำผุดดำว่ายสนุกสนาน น้ำทะเลที่นี่สวยมากๆ ใสเขียว เห็นแล้วก็ภูมิใจในความงามของทะเลไทย ที่มาทีไรก็ถูกใจทุกที ปะการังค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ครับ
ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงคนจีนตะโกนเป็นภาษาจีน ว่าช่วยด้วยยยยยยย ผมเลยหันไปยังต้นทางเสียง ก็เห็นนักท่องเที่ยวคนหนึ่งกำลังส่งเสียงขอความช่วยเหลือ พร้อมกับโบกมือให้วุ่น ผมเลยว่ายไปหา เธอสวมเสื้อชูชีพ และมีห่วงยางด้วยนะครับ แต่เธอว่ายน้ำไม่เป็น เธอเลยกลัวน้ำทะเลมาก ประกอบกับใช้หน้ากากดำน้ำไม่เป็นอีก ทำให้ยิ่งสำลักน้ำ เธอดูมีสีหน้าตกใจมาก ผมว่ายเข้าไปใกล้ๆแล้วบอกว่า ใจเย็นๆ เธอไม่จมน้ำหรอก แต่เธอดูหน้าซีดมาก ผมเลยพยายามพูดว่า เดี๋ยวผมจะว่ายน้ำพาเธอไปส่งที่เรือ ผมบอกให้เธอเปลี่ยนค่าสำหรับว่ายน้ำ แต่เธอไม่ฟังอะไรแล้วครับ ผมก็เลยปล่อยให้เธอลอยหงายแบบนั้นนั่นแหละ แล้วก็ว่ายพาเธอไปส่งที่เรือ พอขึ้นไปบนเรือแล้ว เธอก็ขอบคุณผมยกใหญ่ ผมก็โอเค เสียดายแทนที่เค้าไม่มีโอกาสได้เห็นปะการังสวยๆ แต่ไกด์บนเรือบอกว่าไม่มีปัญหา เดี๋ยวเค้าดูแลเอง และในที่สุด เค้าก็ลงไปว่ายน้ำกับไกด์ครับ ซึ่งก็ดีใจกับเค้าเหมือนกัน
เกาะรอกนั้นเป็นเกาะที่อยู่ในน่านน้ำจังหวัดกระบี่ครับ แต่ก็เหมือนจะใกล้ๆตรังด้วยมั้ง เป็นสองเกาะเล็กๆ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา เกาะรอกแบ่งเป็นเกาะรอกในและเกาะรอกนอกครับ ผมจำไม่ได้แล้วแหละว่าอันไหนในอันไหนนอก ฮ่าๆ
เราใช้เวลาดำน้ำดูปะการัง จุดละ 45 นาทีครับ มันเป็นประสบการณ์ที่อิ่มเอมมากๆ คนจีนบอกว่าสวยมาก ฝรั่งที่ไปด้วยกันก็บอกว่าประทับใจมาก เค้าชอบทะเลไทยสุดๆ เกาะรอกงดงามสมคำร่ำลือ
ไกด์กำลังพาสาวจีนดำน้ำดูปะการังครับ รอบนี้เธอเปลี่ยนหน้ากากเป็นแบบครอบทั้งหน้า โดยยืมจากพี่ผม เพราะพี่ผมบอกว่ามาเกาะนี้หลายครั้งแล้ว คร้ังนี้ขอเป็นช่างภาพแทน ดังนั้นรูปในบล็อกนี้ต้องให้เครดิตพี่ผมจากเกาะลันตานะครับ ที่คอยเก็บภาพบรรยากาศให้ ทริปนี้ผมละดีใจจริงๆมีรูปตัวเองบ้างอะไรบ้าง หลายคนก็แซวว่ามึงจะนายแบบเกินไปแล้ว ก็นะ นิดนึงครับ ฮ่าๆ
การเดินทางของแต่ละคนก็มีเป้าหมายไม่เหมือนกัน บางคนก็ไปเพื่อพักผ่อน บ้างก็ไปเพื่อเรียนรู้ บ้างก็ไปเพื่อหาแรงบันดาล แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน ถ้าเรามีความสุขกับมัน มันก็มีค่าทั้งนั้นแหละเนาะ ผมมีเพื่อนที่มาจากเมืองจีนคนหนึ่งชอบมาทะเลไทยมาก แต่ไม่ลงเล่นน้ำเลยนะครับ เขาบอกว่าเขามีความสุขที่ได้เห็นน้ำทะเล ได้ฟังเสียงคลื่นกระทบชายหาด แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา ไม่จำเป็นต้องลงน้ำก็ฟินได้ (แต่ผมว่านะ มันกลัวดำ ไม่ใช่อะไรร๊อก)
เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสียเหลือเกิน แป็บเดียวก็ได้เวลาเที่ยงแล้ว ไกด์ส่งสัญญาณให้เราขึ้นเรือ แล้วพาพวกเราไปยังเกาะ เพื่อให้พวกเราไปรับประทานอาหารกลางวันครับ อาหารอร่อยมาก แกงมัสมั่นไก่นี่ของโปรดผมเลย แต่ผลไม้เนี่ย ผมสงสัยเสียเหลือเกินว่า นอกจากแตงโมกับสัปปะรด มันไม่มีผลไม้อย่างอื่นบ้างเลยหรือครับ? ไปทะเลที่ไหนๆก็เจอแต่สองผลไม้นี้ ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบนะครับ ผมแค่สงสัยว่า ทำไมถึงเลือกใช้แบบนี้แค่นั้นเอง
บนเกาะรอกนั้นมีความอุดมสมบูรณ์มากๆ ไม่เชื่อก็ดูรูปประกอบได้เลยครับ ตัวเหี้ยเต็มตา ฝรั่งฮือฮาใหญ่ จีนก็กรี๊ดกร๊าด กลายเป็นพระเอกไปเลยงานนี้
เกาะรอกเป็นเกาะที่หาดทรายขาวและละเอียดมากๆครับ น้ำทะเลก็ใสแจ๋ว พี่ผมบอกว่า นี่ฟ้ายังไม่เปิดเต็มที่นะ เพราะวันที่ไปฟ้าเปิดแบบหม่นๆนิดนึง (วันรุ่งขึ้นฝนตกหนัก) ถ้าฟ้าเปิดนะ น้ำยิ่งใสกว่านี้อีก ผมได้ยินแล้วก็พูดว่า หูยพี่ นี่ขนาดไม่ใสเต็มที่ยังขนาดนี้ ถ้าใสสุดๆจะขนาดไหน พี่บอกว่า ก็กลับมาอีกรอบดิ จะไปยากอะไร
บนเกาะมีปูเสฉวนเยอะมากเลยครับ เดินกันให้ขวักไขว่าตามต้นไม้ เห็นแล้วคิดถึงเรื่องที่เคยเรียนในหนังสือสมัยประถมชื่อว่า ชีวิตปูเสฉวน ที่ปูพวกนั้นพากันอาศัยขวดน้ำ กระป๋อง แทนกระดองของตัวเอง อ่านแล้วก็เศร้า พอมาเห็นชีวิตของปูที่นี่ก็รู้สึกดีใจที่พวกมันยังมีหอยธรรมชาติให้ใช้เป็นกระดองแทน
ชีวิตของคนเราหนะมันสั้นนะครับ เราอยากจะทำอะไรก็รีบทำไปเหอะ หลายๆคนพูดเสมอว่า สิ่งที่เสียใจที่สุดคือการไม่ยอมทำตามสิ่งที่ตัวเองนั้นอยากทำ มัวแต่ผลัดวันประกันพรุ่ง อย่างผมนี่รู้ตัวว่าผมชอบทำงานไปด้วยเที่ยวไปด้วย มีเวลาว่างเมื่อไหร่ก็เลยจัดเต็มทุกที เคยคิดเหมือนกันนะครับว่าถ้าไปเที่ยวแบบพวกฝรั่งแบกเป้ที่ไปทีไปเป็นเดือนเป็นปี เขาทำได้ยังไง แต่รอบนี้ผมก็เที่ยวหนึ่งเดือนเลยนะครับ ถือว่าอัพสกิลอีกนิดนึง ฮ่าๆ
ทริปนี้ผมต้องขอขอบคุณ Lantatoday อีกครั้งนะครับ สำหรับทริปแบบ Exclusive ที่จัดหนักจัดเต็มให้น้องคนนี้ได้ออกไปพักผ่อนและเปิดหูเปิดตาในสถานที่เที่ยวของกระบี่ พี่เต้ยเจ้าของแพลนครั้งนี้บอกผมว่า น้องสนไม่ต้องกล่าวอะไรถึงพี่หรอกค่ะ แค่ได้มาเที่ยวแล้วนำประสบการณ์จริงๆที่ได้ไปเจอสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านั้นมาเล่าให้คนรู้จักกระบี่มากขึ้นแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว และตอนที่ผมไปก็ไปแบบไม่ให้รู้ด้วยว่าเป็นนักท่องเที่ยวรับเชิญ เพื่อให้ได้เจอข้อดีข้อเสียต่างๆ จะได้นำมาปรับปรุงแก้ไข เป็นอะไรที่ใจกว้างมากๆครับ
หลังจากที่ดื่มด่ำกับบรรยากาศบนเกาะแล้ว เราก็ไปดำน้ำกันอีกจุดครับ สรุปคือทริปนี้เราะจะได้ดำน้ำกันสามจุด จุดที่สามเนี่ย ปะการังสวยมากๆ สวยกว่าสองจุดตอนเช้าอีกครับ จุดนี้ก็ใช้เวลา 45 นาทีเช่นเดิมครับ เสร็จแล้วเรือก็พาเรากลับไปยังที่เกาะลันตา
สำหรับที่พักบนเกาะลันตานั้น ผมไปพักที่ Lanta Sand Resort and Spa ครับ เป็นห้องพักแบบ Pool Access ที่เปิดประตูห้องก็เชื่อมกับสระว่ายน้ำเลย ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ดีงามมากครับ คนชอบเล่นน้ำแบบผม หลงรักเลย
โรงแรมที่นี่เหมาะมากสำหรับคนชอบเล่นน้ำครับ โดยเฉพาะสระว่ายน้ำที่เชื่อมกับกับห้องต่างๆ คือมันโอเคมากๆ ตอนผมไปนั้นคนไม่พลุกพล่านด้วย สระนี้คือของเรา ฮะฮะฮะฮ่าๆๆ
ดูสีหน้าช่างอิ่มเอบใจเสียเหลือเกินนะครับคุณพี่ ฮ่าๆ อย่างไรก็ดีครับ ห้องพักนี้ผมไปนอนคนเดียว สำหรับผมผมจึงถือว่า “มันใหญ่เกินไป” สำหรับคนนอนคนเดียวครับ เพราะห้องแบ่งออกเป็น 3 โซน ไล่ตั้งแต่จากเปิดประตูห้องพักเข้าไปก็จะเป็นห้องนอนครับ ขนาดใหญ่เลยแหละ มีทีวีด้วย จากนั้นห้องตรงกลางเป็นห้องน้ำ ก็ใหญ่อีกแล้ว (แต่พื้นห้องน้ำใช้หินปู ผมว่ามันเจ็บเท้านิดๆ หรือผมสำอางมากไปก็ไม่รู้ ฮ่าๆ) และห้องสุดท้ายเป็นห้องนั่งเล่น มีเก้าอี้นุ่มๆสองตัว พร้อมกับทีวีอีกเครื่อง ถัดไปเปิดประตูห้องปุ๊บก็เป็นระเบียงที่เชื่อมกับสระน้ำ ออกไปว่ายน้ำได้เลย ฟินๆๆ
นี่ครับ ห้องนอนโซนที่หนึ่ง มาคนเดียวนี่ถือว่าเป็นห้องที่ใหญ่มากๆ เหมาะสำหรับคนมาเป็นคู่รัก หรือครอบครัว ห้องนี้จะเพอเฟ็คมาก แต่ถ้าใครชอบห้องใหญ่ๆ โรงแรมนี้ก็ตอบโจทย์เลย
โซนที่สามคือห้องนั่งเล่น ดูทีวีครับ (สรุปห้องนี้มีทีวีให้สองเครื่อง)
และนี่แหละครับ เรื่องราวการเดินทางครั้งนี้ที่กระบี่ของผม หวังว่าจะทำให้เพื่อนๆทุกคนได้รู้จักและได้เห็นบรรยากาศของกระบี่มากขึ้นนะครับ ตอนนี้ผมมีเรื่องเล่าทริปการเดินทางอยู่ในคิวเพียบเลย ตอนต่อไปนั้นผมจะไปเที่ยวที่ไหน อย่าลืมติดตามกันนะครับ วันนี้ขอบคุณมากที่แวะมาอ่านและให้กำลังใจกันครับ