ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัว ผมชื่อกั้ง เป็นเพื่อนของคุณสน ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเป็นรูมเมทกัน
วันนี้จะนำเสนอการเดินทางไปเมืองลั่วหยางและเมืองซีอาน ตามที่เพื่อนผมขอให้เขียน
ตามจริงผมไม่ได้ไปเที่ยว แต่ผมไปเล่นดนตรีเผยเพร่วัฒนธรรมกับอาจารย์ที่คณะที่วัดเหมอัศวาราม ซึ่งเป็นวัดไทยในวัดไป๋หม่าซื่อในเมืองลั่วหยาง ในการเดินทางครั้งนี้ใช้เวลา 13 วัน ตั้งแต่ 22 เม.ย. ถึง 4 พ.ค. 59 ต่อไปนี้จะขอเล่าเรื่องการเดินทางครั้งนี้นะครับ
ออกเดินทางเช้าวันที่ 22 เม.ย. ด้วนสายการบินสปริงแอร์ไลน์ ไปถึงลั่วหยางประมาณ 11 โมง เดินทางไปวัดเหมอัศวารามด้วยรถของวัดไป๋หม่าซื่อ (มีคนมารับ) วัดไป๋หม่าซื่อ หรือเป็นภาษาไทยว่าวัดม้าขาว เป็นวัดในพุทธศาสนาแห่งแรกในประเทศจีน ตั้งอยู่ในเมืองลั่วหยาง หรือเมืองลกเอี้ยง ในเรื่องสามก๊ก มีความเก่าแก่ประมาณ 2000 ปี โดยพระภิกษุชาวอินเดีย 2 รูป บรรทุกพระไตรปิฎกมาบนหลังม้าสีขาว จึงเป็นที่มาของชื่อวัดไป๋หม่าซื่อซึ่งแปลว่าวัดม้าขาว ภายในวัดมีสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ และโบราณวัตถุ มากมาย นอกจากนั้นยังมีวัดนานาชาติซึ่งสร้างความสนในให้กับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างมาก ได้แก่อินเดีย วัดพม่า และวัดไทย (วัดเหมอัศวาราม) ซึ่งตัวผมไปเล่นดนตรีไทยในวัดไทย ซึ่งจริงๆแล้วไปเล่นแค่ไม่กี่วันส่วนมากจะเที่ยว โดยได้รับความเมตตาจากพระศรีสุทธิวิเทศ หรือท่านเจ้าคุณช้าง ให้ความเมตตาผมทั้งดูแลเรื่องความสะดวกในวัดและพาเที่ยว ต่อไปนี้จะนำเสนอบรรยากาศภายในวัดไป๋หม่าซื่อนะครับ
ภาพถ่ายจากมุมสูง ภายในวัดบรรยากาศร่มรื่นมาก
ประตูเข้าวัด ค่าเข้าชมวัด 35 หยวน ซึ่งเป็นราคาที่ถูกมากสำหรับแหล่งท่องเที่ยวในประเทศจีน แต่ผมเป็นแขกของวัดก็เลยได้เข้าออกฟรี พักอาศัยในห้องรับรองอยู่ด้านหลังของวัด และที่ขาดไม่ได้เลยคือกินอาหารเจทุกมื้อในวัดและห้ามนำเนื้อสัตว์เข้าวัด อาหารเจในวัดอร่อยมากครับ ผักก็สดมาก แต่ก็นั่นแหละอาหารจีนรสชาดจืดๆเค็มๆ พอกินหลายๆมื้อเข้าก็เบื่อ
ภาพนี้เป็นหอระฆัง จะเปิดเฉพาะเวลามีงานเท่านั้น
นี่คือวิหารต่าง ๆ และพระพุทธรูปภายในวิหาร ล้วนเป็นของโบราณทั้งสิ้น พระพุทธรูปบางองค์มีอายุพร้อมกับการสร้างวัด
พวกเราต้องกินข้าวกันในห้องอาหารของวัดในมื้อเช้าและเย็น ส่วนมื้อกลางวันเราทำกินกันเองในวัดไทย เพราะพระไทยกับพระจีนฉันเพลกันคนละเวลา และพระจีนนั้นฉันมื้อเย็นได้ อาหารในห้องอาหารของวัดที่มีทุกวันคือข้าวต้ม บางครั้งก็ต้มกับถั่ว ต้มกับพุทราจีน หรือบางครั้งก็ต้มข้าวเปล่าๆ ข้าวต้มเค้าหอมมาก เป็นข้าวเมล็ดป้อมๆ คล้ายข้าวญี่ปุ่น อีกอย่างคือ หมั่นโถวกินกับเต้าเจี้ยว ซึ่งเค็มมาก มารู้ทีหลังว่าเป็นอาหารมงคลของวัดนี้ เราก็กินพอเป็นสิริมงคลเพียงเล็กน้อย เพราะมันเค็มมากๆครับ ที่เหลือก็เป็นผักดอง และจำพวกผัดต่าง ๆ เช่นผัดผักนานาชนิด ผัดเต้าหู้ ผัดถั่ว
นี่คือเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุครับ เป็นเจดีย์ที่มีความเก่าแก่มากในวัดแห่งนี้ เราสามารถสังเกตได้ง่ายๆ โดยการนับชั้นของเจดีย์ ถ้าเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จะต้องมี 13 ชั้น เจดีย์นี้อยู่นอกกำแพงวัดมีทางเดินไปเจดีย์ที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้หลากหลายสายพันธุ์ และในช่วงที่ผมไปเป็นช่วงที่ดอกโบตั๋นและดอกเสาเย่า กำลังบาน ทำให้มีความสวยงามเป็นพิเศษ และที่สำคัญนักท่องเที่ยวส่วนมากไม่รู้ว่าวัดนี้มีเจดีย์ ทำให้บริเวณเจดีย์และสวนไม้ดอกโดยรอบนั้นไม่ค่อยมีคน สงบมากเหมาะแก่การปลีกวิเวก
ดอกเสาเย่าที่กำลังเบ่งบานในบริเวณวัด ดอกเสาเย่านี้ดอกจะเล็กกว่าโบตั๋นและมีแฉกของใบผิดกันเล็กน้อย แต่ดอกโบตั๋นในวัดโรยไปเกือบหมดแล้ว จึงเหลือแต่ดอกเสาเย่าให้ชมครับ ถึงแม้ว่าจะสวยไม่เท่าโบตั๋น แต่ก็พอเทียบเคียงได้ เพราะลักษณะดอกและใบเกือบจะเหมือนกันทุกประการถ้าไม่สังเกตจริงๆ ก็จะนึกว่าเป็นต้นไม้ชนิดเดียวกัน ซึ่งทั้งโบตั๋นและเสาเย่าก็มีหลายสี หลายพันธุ์ สองภาพบนเป็นเสาเย่า และภาพล่างสุดเป็นโบตั๋นครับ
และนี่คือบรรยากาศในวัดไทย ซึ่งมีทุกๆอย่างเหมือนวัดในเมืองไทย ภายในอุโบสถมีพระพุทธชินราชจำลองเป็นพระประธาน ภายในวัดยังมีหอพระไตรปิฎก หอระฆัง และที่เป็นจุดไฮไลท์ของวัดนี้ก็คือภูเขาทองวัดสระเกศจำลอง สูงเด่นเป็นสง่าตอนกลางคืนจะเปิดไฟสวยงามมากครับ
ไปอยู่ในวัดไป๋หม่าซื่อ ผมก็ได้เกร็ดความรู้ต่างๆ มากมาย ที่อยากจะเล่าให้ทุกคนได้อ่านกัน เช่น คำทักทายว่า “อามิตาพุทธ” ที่เราคุ้นหูในหนังจีน ตามจริงแล้วพระจีนท่านออกเสียงว่า “อามิตาฝอ” หรือ “อามิถอฝอ” เป็นคำอวยพระเวลาพบปะกัน สามารถใช้ได้ทั้งพระและฆารวาส คำว่า”ฝอ”ในภาษาจีน แปลว่าพระพุทธเจ้า อีกเรื่องหนึ่งคือการจุดธูปของคนจีน ผมสังเกตว่าคนจีนที่นั่นเวลาไหว้พระส่วนใหญ่จะจุดธูปเป็นกำ แต่บางครั้งก็จะเห็นจุด 3 ดอก ซึ่งได้ถามผู้รู้ได้ความว่าจริงๆแล้วที่ถูกต้องคนจีนไหว้พระก็ต้องจุดธูป 3 ดอก เหมือนคนไทย แต่ที่เห็นจุดธูปเป็นกำอย่างนั้นเพราะคนจีนส่วนมากไม่รู้เขาจึงจุดธูปเป็นกำ และสุดท้ายสำหรับวันนี้ก็จะขอเล่าเรื่องความแตกต่างในข้อปฏิบัติระหว่างพระไทย(เถรวาท) กับพระจีน(มหายาน) เท่าที่ได้สังเกตมานะครับ มีการทำวัตรสวดมนต์เช้า-เย็น เหมือนกันแต่สวดกันคนละอย่างพระไทยสวดภาษาบาลี พระจีนสวดเป็นภาษาจีน พระไทยฉันข้าว 2 มื้อ พระจีนฉัน 3 มื้อ พระจีนสามารถรับของจากสีกาได้โดยไม่ต้องใช้ผ้ารับประเคน และฉันอาหารได้โดยไม่ต้องรับประเคนเหมือนกัน พระจีนไม่บิณฑบาตรสามารถทำอาหารฉันเองได้และต้องฉันอาหารเจ ซึ่งพระไทยจะต้องฉันอาหารที่มีผู้นำมาถวายไม่สามารถทำอาหารฉันเองได้
วันนี้ผมขอนำเสนอแค่วัดไป๋หม่าซื่อ ครั้งหน้าจะมาเล่าเรื่องที่เที่ยวอื่นๆ ให้อ่านนะครับ