ยังครับยัง บันทึกการเดินทางของผมยังไม่สิ้นสุดลง จริงๆตอนแรกทริปเมืองจีนครั้งนี้ผมจองตั๋วไว้เที่ยวแค่ย่านเมืองฉงชิ่งครับ แต่ด้วยความที่อยู่ๆมีเหตุการณ์บางอย่างมาแทรก ทำให้ผมตัดสินใจที่จะเที่ยวเมืองจีนต่อ ตอนนั้นผมก็คิดครับว่าผมจะเที่ยวที่ไหนดี ผมลองค้นหาดูสถานที่ที่อยากไป และเปิดดูตั๋วราคาบินออกจากฉงชิ่ง ก็โป๊ะเชะครับ เจอไปเที่ยวซีอาน ตั๋วบินไปกลับราคา 640 หยวน ผมก็จัดสิครับ รออะไร ถูกมากมาย
และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางครั้งนี้ครับ ผมจองผ่านเว็บ ctrip นะครับ เว็บนี้ดีมาก เพราะมีข้อมูลภาษาอังกฤษ มีทั้งจองโรงแรม ตั๋วรถไฟ(ผมใช้เช็ครอบมากกว่า เวลาไปจองผมไปจองที่สถานีรถไฟเอาเลย) แล้วก็ตั๋วเครื่องบินครับ แต่ผมให้เพื่อนคนจีนจองให้ผมนะครับ เวลาไปบินก็แค่จำหมายเลข Flight สายการบินอะไร แล้วก็ยื่นแค่ Passport ก็บินได้แล้ว
ผมมีข้อมูลเกี่ยวกับเมืองซีอานค่อนข้างน้อย เพราะไม่ได้คิดฝันมาก่อนว่าจะไปเร็ววันนี้ แต่พอซื้อตั๋วแล้ว ผมก็มีเวลาสามวันในการเตรียมตัวสำหรับทริปซีอาน ผมก็หาข้อมูลจาก Internet นี่แหละครับว่า การเดินทาง ตั๋ว ที่พัก ควรจะไปแถวไหนดี และผมก็เจอว่าจุดเที่ยวหลักๆของซีอานก็ได้แก่ สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ (ปิงหมาหย่ง) หอกลอง หอระฆัง กำแพงเมืองเก่าซีอาน พอรู้จุดเที่ยวเด่นๆแล้ว ผมก็พร้อมจะไปสัมผัสแล้วครับ
ผมบินออกจากสนามบินฉงชิ่งค่อนข้างดึกครับ พอไปถึงที่สนามบินก็เลยสองทุ่มแล้ว ซึ่งรถบัสที่จะผ่านโรงแรมที่ผมพักมันก็หมดเสียก่อน แต่ไม่เป็นไรครับ เพราะผมติดต่อเจ้าของโฮสเทลที่ผมจะไปพักแล้ว ชื่อว่า ลีโอ (คนจีนชื่อลีโอเยอะมาก ตอนนี้มีเพื่อนชื่อลีโอสามคนแล้ว) ลีโอบอกผมว่าให้นั่ง Airport Bus มาได้เลย โรงแรมที่ผมจองคือโรงแรม Twin City International Youth Hostel ครับ สถานที่ตั้งดีมากๆ ราคาต่อคืนก็ไม่แพง ตอนผมไปก็สองคืน 85 หยวนเองครับ สภาพห้องดีมาก ติดรถไฟฟ้าใต้ดิน ติดศูนย์การค้า และเดินไปเที่ยวกำแพงเมืองซีอานได้ภายใน 20 นาที ผมแนะนำเลยครับ แต่มีข้อเสียหน่อยก็คือมีห้องน้ำห้องเดียวนะครับ มีเตียงสิบสองเตียง ดังนั้นถ้าชั่วโมงเร่งด่วน อาจจะรอคิวกันหน่อย แต่ตอนผมไปมีคนพักแค่สามคน ลีโอเลยให้นอนคนละห้องไปเลย สบาย ลีโอพูดภาษาอังกฤษเก่งมากด้วยครับ ดังนั้นหายห่วงเรื่องการสื่อสาร
การเดินทางออกจากสนามบิน ผมนั่ง Airport Bus ไปครับ ราคา 25 หยวน บนรถบัสมี Wifi ฟรีด้วย! เขาจะไปจอดที่สถานีสุดสาย Xi Shao Men station(西稍门站) หลังจากลงที่นั่นแล้ว ลีโอ ก็มารอรับครับ และเราก็นั่งแท็กซี่ไปยังโฮสเทลของลีโอ ซึ่งอยู่ติดกับ Zhong Mao Plaza เลย ย่านแบรนด์เนมดังๆ ราคาค่าแทกซี่ผมนั่งไปราคามิเตอร์ 12 หยวน ครับ
ลีโอให้ความช่วยเหลือดีมากๆครับ เราอายุไล่เลี่ยกัน ผมถามลีโอว่าจะไปที่สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ จะไปอย่างไร ลีโอเขียนรายละเอียดให้ และวาดแผนที่ให้ด้วยครับ ต้องบอกเลยว่าจุดที่ตั้งของโฮสเทลนี้สะดวกสบายสุดๆ การเดินทางก็คือ ให้ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามครับ แล้วขึ้นรถบัสสาย 40 หรือ สาย 258 ก็ได้ แล้วไปลงที่สถานีรถไฟ จากนั้นลงแล้วเปลี่ยนไปนั่งรถบัส สาย 5 (306) ระหว่างนั้นจะมีบรรดาคนจีนพยายามเรียกเราขึ้นรถเขานะครับ อย่าได้สนใจครับ ให้ขึ้น 306 อย่างเดียว เพราะรถนี้พาเราไปส่งที่ปลายทางเลย สุสานจิ๋นซี ภาษาจีนเรียกว่า “ปิงหมาหย่ง” นะครับ จำเอาไว้ให้ดี
คำเตือนนิดนึง อย่าได้ริปวดอึปวดฉี่ที่ตรงสถานีรอขึ้นรถไปสุสานจิ๋นซี นะครับ ควรทำให้เรียบร้อยที่โรงแรม ฮ่าๆ เพราะห้องน้ำที่นี่อยู่ใต้กำแพงเมืองเก่าตรงทางเข้าโค้งๆของกำแพง และห้องน้ำเป็นแบบ “จีน” ที่มองเห็นคนนั่งอึ ขนาดผมเข้าไปฉี่ยังแทบจะเดินออกจากห้องน้ำแทบจะไม่ทัน คนจีนนั่งอึไปเล่นมือถือไป คนที่ต่อคิวก็ยืนต่อคิวตรงหน้าคนอึนั่นแหละครับ เห็นแล้วอัศจรรย์ใจว่าพวกเขาทนกลิ่นได้อย่างไร
เอาละครับ หลังจากขึ้นรถ 306 แล้ว ก็ไปนั่งได้เลยตามอัธยาศัย ค่ารถ 7 หยวนครับ เหมือนว่าระหว่างทางจะมีจอดให้ลงอะไรสักจุด ซึ่งถ้าลงตรงนี้จะจ่ายแค่ 6 หยวน แต่ไม่ใช่เป้าหมายของผมครับ ผมต้องการไปสุสานจิ๋นซี ดังนั้นไปลงสุดสายได้เลย นั่งราวครึ่งชั่วโมงได้มั้งครับ ค่าโดยสารไปจ่ายบนรถได้เลยเน้อ
หลังจากนั่งรถมาไกลพอสมควร รถก็มาจอดให้เราไปเยือนสุสานได้แล้วครับ ผมก็เดินตามคนจีนไปนั่นแหล่ะ ทางเข้าก็จะเจอรูปปั้นจิ๋นซีฮ่องเต้ขนาดใหญ่โต มายืนต้อนรับ ผมก็ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกเรียบร้อยแล้วก็รีบเดินไปซื้อตั๋วครับ ตรงจุดซื้อตั๋วก็จะมีบรรดาไกด์มาเสนอบริการ ถ้าใครอยากจะได้ไกด์แนะนำภายในก็ซื้อได้เลยครับ ราคาราว 150 หยวน สำหรับ 2 ชั่วโมง แต่ผมไม่ได้ใช้บริการนะครับ เพราะเซฟข้อมูลจาก Internet ไปหมดแล้ว ฮ่าๆๆ
ราคาค่าเข้าชม 100 หยวนครับ ถูกกว่าตอนหาข้อมูลแฮะ สภาพอากาศตอนนี้ที่ซีอานหนาวโคตรๆ หนาวแบบไม่แคร์คนเมืองร้อนแบบผมเลย อากาศทั้งวัน รู้สึกจะสูงสุดแค่ 3 องศา ใครไปซีอานก็เช็คสภาพอากาศให้ดีๆนะครับ ไม่งั้นหนาวมากแล้วเที่ยวไม่สนุก ผมใส่เสื้อขนเป็ดไปเลย และทางเดินไปยังสุสานก็จะเป็นเหมือนอารมณ์ภาพด้านบนครับ ต้นไม้ผลัดใบหมดแล้วให้ความรู้สึกสวยแบบหลอนๆ
พอไปถึงผมก็เริ่มต้นด้วยการเข้าไปเที่ยวในพิพิธภัณฑ์ก่อน ถ้าใครปวดอึปวดฉี่ระหว่างนี้ สามารถเข้าห้องน้ำได้ครับ สะอาดมาก ที่นี่ทำดีแล้ว ฮ่าๆ ข้างในพิพิธภัณฑ์ก็มีของมาจัดแสดงเยอะแยะเลยทีเดียว จากที่หาข้อมูลมาเหมือนบางอย่างเค้าจะจัดเป็นนิทรรศการเวียนครับ ดังนั้นแต่ละช่วงที่ไปอาจจะเจอไม่เหมือนกัน แต่พวกเด่นๆ เค้าก็จัดไว้ถาวรครับ ต่างกันแค่รายละเอียดบางอย่างเท่านั้น
ผมเองก็เป็นพวกบ้าพิพิธภัณฑ์อยู่แล้ว มาเจอที่นี้ยิ่งถูกใจสิครับ เดินชมไปเพลิน จนแทบจะลืมเวลาว่า ยังมีอีกหลายจุดให้แกเดินชมนะบักสน อย่ามัวโอ้เอ้ แต่ก็ได้แค่คิดครับ เพราะมาคนเดียวแพลนทุกอย่างยืดหยุ่นได้
ยิ่งเดินลึกเข้าไป ยิ่งเข้ามีอะไรตื่นตาตื่นใจรออยู่ครับ เริ่มต้นด้วยรถลากตัวนี้ โอ้โห สวยมาก ในพิพิธภัณฑ์นี้เค้าจะเอาสิ่งของที่ยังสมบูรณ์อยู่มาจัดแสดง ดังนั้นอะไรหลายๆอย่างมันจึงดูว้าวมากๆ
ผมถ่ายรถลากมาหลายๆมุมเลย เพราะมันสวยเหลือเกิน ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเค้าเอามาบูรณะหรือเปล่านะครับ เพราะก็ดูใหม่มากเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ได้เห็นว่าในสมัยก่อนมันก็คงรูปร่างแบบนี้แหละ
มาแล้ว!! รูปปั้นดินเผาที่ผมอยากจะเห็น จากข้อมูลที่ผมอ่านมา เขียนไว้ว่าหุ่นแต่ละตัวไม่เหมือนกันสักตัวเลยนะครับ หน้าตา เครื่องแต่งกาย และเป็นงานปั้นมือด้วย ทำได้งดงามมากเหลือเกิน จีนเองก็เคลมว่า นี่เป็นสิ่งอัศจรรย์อันดับ 8 ของโลกเลยนะ
แต่ละตัวก็จะมีท่าทาง สีหน้า อารมณ์แตกต่างกันไป นักโบราณคดีบอกว่าเราสามารถบอกได้ว่ารูปปั้นนี้เป็นชาวบ้าน ขุนพล หรืออะไรสักอย่างได้จากเครื่องแต่งกาย และตอนที่ขุดค้นเจอใหม่ๆ รูปปั้นมีการทาสีสวยงามครับ แต่พอมันปะทะกับอากาศ มันดันทำปฎิกิริยา ทำให้กลายเป็นสีดำ ซึ่งเป็นที่น่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้เอง ทางรัฐบาลจีนจึงเปิดให้มีการขุดหลุมเพียงแค่ 3 หลุมเท่านั้น ขนาดแค่สามหลุมแต่ละหลุมยังใหญ่กว่าสนามฟุตบอล ถ้าขุดทั้งหมดเนี่ย ผมไม่อยากจะคิดว่าต้องเดินชมกี่วัน
สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ (ฉินสื่อหวงตี้) เป็นมรดกโลก และเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ 5A ของจีนครับ (ทริปนี้มีแต่ระดับ 5A ทั้งนั้นเลย) ชาวจีนรู้จักกันในนาม ปิงหมาหย่ง โดยตามประวัติที่ผมอ่านมานั้น บอกไว้ว่าสุสานนี้สร้างในสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้เองนี่แหละ คือในยุคโบราณฮ่องเต้ทั้งหลายต่างก็พากันแสวงหายาอายุวัฒนะ จิ๋นซีฮ่องเต้เองก็หาเหมือนกัน แต่ยิ่งแก่ใกล้ตายก็ยังหาไม่เจอ เลยรู้ว่าชาตินี้คงหาไม่ได้ งั้นก็ทำสุสานของตัวเองให้ยิ่งใหญ่ละกัน สุสานนี้ใช้เวลาก่อสร้างถึง 38 ปีเลยนะครับ มีพื้นที่สุสานประมาณ 2,180 ตารางกิโลเมตร (ถ้าข้อมูลถูกต้อง นี่มันโคตรมหึมาเลย!)
ภายในสุสานมีการแบ่งออกเป็นพระราชฐานชั้นใน และพระราชฐานชั้นนอก ภายในเก็บพระบรมศพของพระองค์ครับ ส่วนสาเหตุที่ว่าทำไมมีรูปปั้นมากมายเช่นนี้ ก็เพราะความเชื่อที่ว่าพวกนี้เป็นตัวแทนของข้าราชบริพารทั้งหลาย ที่จะร่วมเดินทางเดินไปยังปรโลกกับพระองค์ (ผมไม่แน่ใจว่าสมัยก่อนถ้ากษัตริย์สิ้นพระชนม์ เขาจะทำการฆ่าบริวารไปด้วยหรือเปล่า แบบที่เรียกว่า ฝังร่วม จุดนี้ผมอาจจะอ่านนิยายมากไป ฮ่าๆ)
หลังจากออกจากพิพิธภัณฑ์แล้วผมเดินไปชมหลุมหมายเลข 2 ต่อเลยครับ หลุมนี้มีพื้นที่เป็นรูปตัว L มีขนาดใหญ่เหมือนกัน คือราว 6,000 ตารางเมตร ข้างในจะเป็นดังรูปภาพด้านบนครับ เป็นแผ่นๆ ผมไม่แน่ใจว่าข้างในนี่คือเขาไม่ขุดต่อหรือเปล่านะ หรือมีการขุดออกไปแล้วก็มิทราบ ไม่น่าเชื่อว่านี่คือสิ่งที่มนุษย์ทำขึ้นมาเมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว อารยธรรมจีนนี่ไม่ธรรมดาเอามากๆ
เดินไปเรื่อยๆก็จะเห็นชิ้นส่วนของวัตถุภายในสุสานครับ ยิ่งใหญ่สมพระเกียรติของพระองค์มาก ตื่นตาตื่นใจ
มีจุดให้ถ่ายภาพด้วย เสียเงินอีก 20 หยวน (ถ้าจำไม่ผิด) ผมก็จัดสิครับ ฮ่าๆ เป็นที่ระลึก ไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่จะได้กลับมาอีก รอบนี้จึงจัดหนักจัดเต็ม อะไรจ่ายได้จ่าย ถ้าไปคนเดียวก็ไม่ต้องห่วงนะครับ เขามีพนักงานบริการคอยถ่ายภาพให้ ถ่ายไปสักห้าหกแอคนี่แหละ แต่ถ้ามีเพื่อนไปด้วย ก็ให้เพื่อนถ่ายให้ได้เลย กดชัตเตอร์หลายๆรูปได้ครับ แต่ผมก็ได้มาหกเจ็ดรูป ไม่รู้จะแอคท่าอะไรยังไง สงสัยต้องไปฝึกการโพสต์ท่าเท่ๆซะหน่อยแล้ว ทริปหน้าจะได้มีรูปดีๆกับเขาบ้าง
ข้างในมีหุ่นรูปปั้นให้ดูเยอะมากๆ ครับ เยอะจนตาลายไปหมด ดูไปอ่านคำบรรยายไป หุ่นตัวนี้อยู่ในท่านั่งถือธนูครับ
ภาพเต็มตัว คนมาเที่ยวค่อนข้างเยอะครับ แย่งกันถ่ายรูป แต่เหมือนพวกเขาจะมาเป็นทัวร์มั้ง ถ่ายรูปรัวๆ แล้วก็หายไปในพริบตา อยู่ไม่เกินสองนาที ผมก็งงๆกับการทัวร์ของคนจีนเหมือนกัน
เอาเป็นว่าหุ่นมันเยอะมากมากๆครับ ฮ่าๆ หลังจากออกจากหลุม 2 ผมก็ไปหลุม 3 และตามด้วยหลุม 1 ซึ่งเป็นหลุมใหญ่สุด ภาพด้านบนเป็นภาพจากหลุม 3 นะครับ มีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่เป็นจุดสำคัญ เพราะเป็นกองกำลังบัญชาการ จากข้อมูลบอกว่าตอนขุดพบแต่ละคนอยู่ในชุดพร้อมรบ แต่ตอนนี้ถูกปลดอาวุธออกไปหมดแล้วครับ
วันนี้ผมให้เวลากับที่นี่ทั้งวันอยู่แล้ว เก็บภาพไปเรื่อยๆครับ แต่ข้างในจะมืดๆหน่อยนะครับ ถ่ายภาพไม่มีขาตั้งกล้องต้องดัน ISO สูงได้เรื่องเลย ภาพส่วนใหญ่ผมก็ดันไปเลยครับ 1600 ฮ่าๆ
แต่ละจุดก็จะมีหุ่นวางตั้งอยู่ ที่หลุม 1 หุ่นเยอะสุดครับ เต็มไปทั้งอาคาร
สำหรับผม ผมว่าที่แห่งนี้มันสวย และมันก็มีความหลอนแฝงอยู่ ผมไม่ได้เป็นคนกลัวผีนะครับ แต่ที่บอกว่าหลอนคือหลอนถ้าหากว่า หุ่นเหล่านี้มันคือตัวแทนของบุคคลที่ถูกฝังร่วมกับกษัตริย์ มันคงจะเป็นการสูญเสียที่ไม่ใช่เล่นๆ
โมเมนต์แรกที่ผมรู้สึกเมื่อเข้าไปในสุสานคือ “อึ้ง” ครับ อึ้งในความยิ่งใหญ่ และอึ้งในปริมาณของกองทัพหุ่นดินเผา ไม่น่าเชื่อนะครับว่ามนุษย์สักคนหนึ่งจะมีอำนาจได้มากขนาดนี้ แม้กระทั่งตายไปแล้วร่วมสองพันปีก็ยังทิ้งเรื่องราวความยิ่งใหญ่ไว้ได้
ผมเดินถ่ายรูปจนเพลินตาเพลินใจ อิ่มกับความรู้สึกมากๆ ก็ได้เวลานั่งรถกลับไปยังตัวเมืองซีอานครับ ตอนกลับผมนั่งรถบัสอีกคันครับ คือพลาด มองหา 306 ไม่เจอ ทั้งๆที่จอดใกล้กันเลย เสียค่ารถไป 8 หยวน แพงกว่าแค่หยวนเดียว แต่รถบริการได้ไม่ดีเลย จอดรับคนนานมาก เข้าใจว่าคือรถร่วมบริการครับ เสียเวลามากๆ ดังนั้นใครไปแล้ว จำไว้นะครับ ไปกลับ นั่งสาย 5 (306) เท่านั้น
คนจีนบอกว่า การที่เราได้รู้จักกันมันไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นเพราะชะตาฟ้าลิขิตมาแล้ว ในหนึ่งวันเราเจอผู้คนมากหน้าหลายตา แต่จะมีสักกี่คนที่เราได้ทักทายและรู้สึกเป็นมิตรต่อกัน
คุณป้าสองท่านนี้ผมเจอที่ฉงชิ่ง ตอนไปเที่ยวอู่หลง เหมือนชะตาฟ้าลิขิตอย่างว่าจริงๆครับ เพราะพวกท่านเป็นคนซีอาน! ซึ่งผมก็จะไปซีอานหลังจากจบทริปฉงชิ่งพอดี คือมันเหมาะเจาะมาก เหมือนฟ้าวางแผนไว้แล้ว แม้เราจะคุยกันแบบตะกุกตะกัก แต่พวกเราก็สนุกกันมาก เราแลก wechat กัน และพอผมมาถึงซีอาน คุณป้าก็พาผมไปทานข้าวเย็นครับ เลี้ยงทุกอย่าง สนจะกินอะไรบอกนะ คือผมก็เกรงใจไง จะซื้อเอง ป้าก็รีบปัดมือ ให้เก็บกระเป๋าตังค์ ป้าพาไปทานอาหารพื้นเมือง ชื่อว่า Yang rou paomu อร่อยมาก ป้าพูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง ก็พาลูกชายที่เรียนสถาปัตยกรรมศาสตร์ ปีสี่ มาเป็นล่ามครับ ชื่อว่าน้องหวังเหย๋า พูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก ทั้งสามคนสุภาพและมีมิตรไมตรีต่อผมดีเหลือเกิน
ป้านั่งรถบัสมารับผมที่โฮสเทลครับ จากนั้นเราก็เดินไปยัง Xi’an South Gate กัน เพราะมันไม่ไกลจากโฮสเทลผมเท่าไหร่ และตรงกำแพงฝั่งนี้คือฝั่งที่สวยที่สุดด้วย วันที่ผมไปมีการเปิดไฟประดับดาสวยงามอีกแล้ว ชอบๆ
น้องหวังเหยา และคุณแม่ ดูแล้วคุณแม่ยังสาวมากเลยนะครับ เหมือนเป็นพี่สาวเลย ฮ่าๆ ผมจำได้ว่าตอนเราเจอกันที่ฉงชิ่ง คุยกันผ่านแอพแปลภาษาเมามันมาก เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ก็ได้แต่พากันหัวเราะ พอมาเจอกันอีกที่ซีอาน เราก็ยิ่งดีใจ คุณป้าทั้งสองเอาขนมมาฝากผมด้วย ห่อใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่ม
ตอนกลางคืน รอบๆกำแพงเมืองซีอานสวยมากๆ คุณป้าพาผมไปเที่ยวหอระฆัง หอกลอง และพาไปกินอาหารพื้นเมืองซีอานที่ชื่อว่า Yang Rou Pao Mu ด้วยครับ จะเป็นเหมือนแป้งกลมๆ ได้มาแล้วให้เราบิเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ถ้วย แล้วเอาให้พ่อครัว เขาจะไปปรุงให้ ได้มาเป็นเหมือนแป้งกับเนื้อแพะ อร่อยดีนะ แต่ป้าบอกว่าส่วนมากนักท่องเที่ยวไม่ค่อยชอบ แต่คนซีอานชอบมาก โดยส่วนตัวผมชอบครับ
นี่แหละครับ เรื่องราวส่วนหนึ่งของการเดินทางแบกเป้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ของผมในเมืองจีน ผมสนุกที่ได้เจอสถานที่ที่ผมใฝ่ฝัน และผมมีความสุขที่ผมได้พบปะคนดีๆ ซึ่งมันมีความหมายสวยงามเหนือสิ่งอื่นใดในการเดินทางเลยแหละ อย่างไรก็ตามความสนุกความประทับใจของการเดินทางของผมยังไม่สิ้นสุดนะครับ ทริปนี้ผมไปหลายที่มาก เดี๋ยวตอนหน้าผมจะพานั่งรถไฟความเร็วสูงไปดูมรดกโลกทางวัฒนธรรมอีกแห่ง ที่อยู่ริมแม่น้ำ ที่ใครได้เห็นจะต้องกรี๊ด!! ติดตามกันต่อในตอนหน้านะครับ
สรุปกิจกรรมหลักๆสำหรับตอนนี้
- พักที่โรงแรม Twin City International Youth Hostel
- ค่ารถ 306 ไปยังสุสานจิ๋นซี 7 หยวนต่อเที่ยว
- ค่าตั๋วเข้าชมสุสาน 100 หยวน