วันนี้เป็นวันที่สามของการเดินทางในประเทศจีนรอบนี้แล้วนะครับ หลังจากที่เมื่อวานผมไปเทียวผาหินแกะสลักที่ต้าจู๋ และประทับใจกับความยิ่งใหญ่ของผลงานแกะสลักหินอันน่าทึ่งแล้ว วันนี้ผมก็จะไปต่อที่สถานที่ถัดไป ก็คือ อู่หลงนั่นเอง
อู่หลงนั้นเป็นหนึ่งในสถานที่ทางธรรมชาติที่มีความน่าสนใจครับ เพราะเป็นภูเขาสูงที่มีกลุ่มอุโมงค์มากที่สุดเป็นอันดับต้นๆของโลก และขนาดใหญ่มาก แถมเป็นอีกหนึ่งสถานที่แนะนำของจีนด้วย แบบนี้บักสนไม่พลาดอยู่แล้ว
ผมเลือกที่จะจอง One Day Trip กับทางโรงแรม เพราะเหตุผลเหมือนเดิมครับ สบายกว่า ด้วยราคา 380 หยวน (ราคาที่นี้แพงมาก ต้องทำใจครับ คนจีนคนต่างชาติราคาเท่ากันหมดเลย) เอาหล่ะ หลังจากซื้อตั๋วแล้ว ก็เตรียมตัวเดินทางได้เลย
ตอนเช้าแปดนาฬิกา ทางโรงแรมมาส่งเราที่ถนน และมีแท็กซี่มารอรับครับ และนี่คือ “จุดเริ่มต้นของมิตรภาพอันยิ่งใหญ่” หนึ่งในเหตุการสำคัญอันมิรู้ลึมของทริปนี้ คือในแท็กซี่ก็มีคุณป้าสองท่านนั่งอยู่ก่อนแล้ว พวกท่านก็จะไปเที่ยวอู่หลงเหมือนกัน หลังจากที่พวกเราขึ้นรถไปทั้งคู่ก็ถามพวกผมเป็นภาษาจีนครับ ผมก็ตอบภาษาจีนกลับไปแบบถูๆไถๆ ถามกันไปกันมา ป้าบอกว่าป้าเป็นคนซีอาน ผมก็บอกว่า อ้าวเหรอครับ ผมเองก็กำลังจะไปซีอานหลังจากเที่ยวฉงชิ่งเสร็จ
พอรู้แบบนั้นป้าก็แนะนำใหญ่เลยครับว่า ไปโน่นนี่นะ ซึ่งผมก็ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง ก็ได้แต่อือออคล้อยตาม แต่ดูแล้วป้าคงเห็นเราไม่เข้าใจ เลยวาดรูปให้ดู เป็นแผนที่ไปเที่ยว กำแพงเมืองซีอานด้านทิศใต้ และแนะนำเรื่องสุสานจิ๋นซีครับ
ผมเองก็งัดเอาเครื่องมือแปลภาษามาให้คุณป้าได้อ่านในสิ่งที่อยากสื่อสาร ตลอดทั้งทริป พวกเราก็เที่ยวด้วยกันอย่างเมามันมากๆ
การเดินทางไปยังอู่หลงไกลมากครับ ออกจากโรงแรมแปดโมงเช้า ไปถึงโน่นบ่ายโมง โอ้โห กว่าจะได้เดินเที่ยว
จุดแรกที่เราเที่ยวก็คือ “ระเบียงกระจก” ครับ เป็นระเบียงลอยฟ้าขนาดใหญ่ ที่เป็นกระจกใสกิ๊ง เดินแล้วมองเห็นวิวเบื้องล่างที่อยู่ต่ำไปเป็นกิโลเมตร คนที่กลัวความสูงอยางเพื่อนผมนี่ขาสั่นไปเลย ราคาตั๋วขึ้นระเบียงกระจกนี้ต้องจ่ายเพิ่มคนละ 20 หยวนนะครับ มันอยู่ก่อนถึงเข้าเข้าไปยังลิฟต์แก้ว หาให้เจอนะครับ
กระจกที่ว่าใสมาก และอยู่สูงมาก ระหว่างที่ผมกำลังเดินบนกระจกอยู่นั้น มีเหตุการณ์เกิดขึ้นคือ เพื่อนผมลื่นครับ ล้มกระแทกกระจกดังปัง! ทุกคนกรี๊ดดดดดด ผมก็ตกใจ โชคดีที่กระจกแข็งแรง ไม่ร้าว ส่วนเพื่อนผมก็บอบช้ำไปตามระเบียบ ต้องระวังหน่อยนะครับ เพราะตอนผมไปมันมีฝนนิดๆด้วย พื้นเลยลื่น
นี่ครับ เวลามองลงไป หวิวไม่ใช่เล่น สำหรับคนกลัวความสูงนี้คงขาสั่นใจสั่น แต่สำหรับผม ชิลมาก ชอบท้าทายอยู่แล้ว เลยโคตรสนุก เดินไปถ่ายรูปไป ส่วนเพื่อนผม หนีไปอยู่บนฝั่งแล้วครับ ฮ่าๆ
พอเสร็จจากระเบียงกระจกลอยฟ้าแล้ว เราก็เดินไปลงลิฟต์ที่ริมหน้าผาครับ เพื่อจะได้เดินชมวิวทิวทัศน์กัน ทริปนี้เป็นทริปแห่งการเดินจริงๆ เดินเยอะมาก วันหนึ่งๆ เดินกันเป้นสิบๆกิโลเมตร ก่อนจะถึงทางเข้า มีโมเดลตัวละครจากเรื่อง Transformer ด้วย เพราะที่นี่เป็นหนึ่งในฉากของหนังหลายๆเรื่อง ผมก็เลยขอเก็บภาพไว้ด้วยสักหน่อย
วิวระหว่างทาง “สวยงามจับใจ” สำหรับคนบ้าแลนด์เสคปอย่างผม นี่ฟินโคตรๆ เดินไป ถ่ายรูปไป แต่ฟ้าไม่สวยครับ ถ่ายภาพมาเลยดูครึมๆ มันไม่ได้แบบที่ตาเห็น โดยเฉพาะตรงอุโมงค์ขนาดใหญ่ ที่ใหญ่เวอร์วังมาก ถ่ายยังไงก็ไม่ได้เหมือนตาเห็น เห้อ
หลังจากเดินมาสักพัก ก็มองเห็นจุดเช็คอินที่สำคัญ ที่เรามักเห็นในโบรชัวร์โปรโมทอู่หลง นั่นก็คือโรงเตี้ยมโบราณที่อยู่กลางหุบเขาแห่งนี้ครับ เป็นโรงเตี้ยมที่ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังด้วยนะครับ เช่น The Curse of Golden Flower และเรื่อง Transformer 4
บรรยากาศข้างในก็จะเป็นอาคารจีนนี่แหละครับ มีจอทีวีเล่าเรื่องราวแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ และก็มีนักท่องเที่ยวเข้าไปถ่ายรูปกัน ผมก็ใช้เวลาในนี้ประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนจะเดินออกไป เพราะเป้าหมายของเรายังมีอีกเยอะ แถมไกด์บอกว่าให้ไปเจอกันที่จุดจอดรถบัสตอนสี่โมงเย็นด้วย
ระหว่างทางที่เดินออกมา ก็ผ่านสระน้ำสวยๆ มีผาอุโมงค์กระบี่ด้วย ยิ่งยามที่มันสะท้อนกับผืนน้ำสีฟ้าเบื้องล่าง ช่างเป็นโมเมนต์ที่ประทับใจจริงๆ เราเดินผ่านจุดสวยๆเยอะครับ แต่ก็รีบกันหน่อย เพราะเดี๋ยวไปไม่ทันที่เขานัด
หลังจากถึงที่เขานัดแล้ว ผมก็เข้าใจวาหมดแล้วสำหรับวันนี้ จริงๆเท่าที่เห็นก็อิ่มโคตรๆนะครับ คุ้มค่ากับการนั่งเครื่องบินข้ามประเศเพื่อมาเที่ยวยังสถานที่แห่งนี้ แต่ยังครับ ยังไม่หมด เพราะว่าไกด์บอกว่า เราจะไปอีกที่ ผมก็ห๊ะ มีอีกเหรอ ไปไหน?
อ้อ แทรกเรื่องนิดนึงครับ คือตอนที่พวกเราคุยกับคุณป้า มีบางครั้งที่เราสื่อสารกันไม่เข้าใจเพราะว่าเครื่องมือแปลภาษามันทำงานไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แปลแล้วผมก็ยังงงๆว่าความหมายจริงๆคืออะรกันแน่ ก็มีคุณน้าท่านหนึ่ง ช่วยแปล และคุณหน้าก็พูดภาษาอังกฤษดีสเสียด้วย พอรู้ว่าพวกผมเป็นคนไทย ก็ร้องดีใจใหญ่ ร้อมบอกว่า เขาไปเมืองไทยมาห้าครั้งแล้ว โดยเฉพาะเกาะช้าง ชอบมากๆ และเราก็กลายเป็นเพื่อนกัน ทั้งทาง weChat ด้วย ฮ่าๆๆ ทริปนี้มีแต่มิตรภาพมากจริงๆ
โอเค มาต่อกันที่เป้าหมายถัดไป เรานั่งรถไปประมาณครึ่งชั่วโมงครับ ตอนนั้นในหัวของผมงง ว่าที่จะไปถัดไปคืออะไรหว่า ลุ้นๆ
พอถึงจุดลงรถแล้ว เราก็เดินลงอุโมงค์ครับ ยาวมากๆ นับถือคนสร้างจริงๆ เดินไปก็ตื่นเต้นไป เพราะมันไม่ได้อยู่ในโปรแกรมทัวร์ที่เราวางแผนไว้ไงครับ
พอหลุดจากอุโมงค์ วิวเบื้องหน้า แทบจะทำให้ผมกรี๊ดด้วยความตื่นเต้น เพราะมันสวยมาก มันคือวิวทิวทิศน์ที่อยู่ใจกลางหุบเขา และตอนนี้เราเพิ่งเดินลงมาจากบนหุบเขาได้ไม่เท่าไหร่ เราต้องเดินตามบันไทยลัดเลาะหุบเขาเหล่านี้เพื่อลงไปที่ด้านล่างของหุบเขาครับ เห็นทางเดินแล้ว เพื่อนผมบอกว่าท้อเลย ทำไมมันยาวแบบนี้ ย่ิงเพื่อนผมกลัวความสูงด้วย ทริปนี้ของเพื่อนเลยไม่ฟินสำหรับเพื่อนเพราะกลัว ฮ่าๆ
ผมนี่สิครับ หัวใจเต้นตึกตัก ยิ่งเป็นคนบ้าธรรมชาติอยู่แล้ว แถมมาเจอวิวแบบไม่คาดฝันมาก่อน ยิ่งตื่นเต้นใหญ่ เดินไปถ่ายรูปไปเพลินมากครับ ยิ่งไต่ระดับลงเขาไปเรื่อยๆ วิวก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น
ยิ่งเดินไปเรื่อยๆ ความสวยงามก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ผมได้แต่ร้องโอยๆ ทำไมสวยแบบนี้ ธรรมชาติเมืองจีนอลังการหน้าชาวบ้านไปมากมายเสียเหลือเกิน น้ำก็เป็นสีฟ้า ผมเดินไปถ่ายรูปไป แทบอยากจะหยุดเวลาเอาไว้อย่างนั้น
นี่ขนาดตอนที่ไปเป็นหน้าแล้งนะครับ ยังเขียวขจีได้ขนาดนี้ ดูสีน้ำสิครับ ฟ้ามากๆ ถ้ามาในหน้าฝน ผมว่าก็น่าจะสวยไปอีกแบบ เพราะลำธารตรงนี้คงจะมีน้ำไหลให้ดูเต็มตามากขึ้น
ยิ่งเดินยิ่งสนุก ลืมไปเลยครับว่า ที่เดินๆมาหนะกี่กิโลเมตรแล้ว รู้แต่ว่า เดินไปหยุดถ่ายรูปไป ก็นานๆจะมีโอกาสมาทีนี้นา ขอจัดหนักจัดเต็มซะเลย
ระหว่างทางก็จะเจอน้ำตกหุบผาสวรรค์ครับ สวยงามอีกแล้ว ถ่ายรูปกันรัวๆเลย ตอนนี้ผมเดินเที่ยวคนเดียวแล้วนะครับ เพื่อนผมกลัวความสูง เขารีบเดินบึ่งนำหน้าไปที่ทางออกแล้ว ฮ่าๆ
สำหรับทริปวันนี้ “อิ่มอกอิ่มใจ” มากครับ ใครที่มาเที่ยวก็ไม่อยากให้พลาดจุดนี้เลย จะมาพักแถวอู่หลงสักคืนก็ได้ หรือจะเที่ยวแบบไปกลับแบบผมก็ได้ครับ
สรุปข้อมูลการเดินทางสำหรับวันนี้
- ซื้อตั๋วเที่ยวแบบ One Day Trip จากโรงแรม ราคา 380 หยวน
- รวมค่าอาหารกลางวันแบบบุฟเฟต์แล้ว
- มีรถแท็กซี่มารับที่โรงแรม
- รถส่งกลับที่พักแถว Jie Fang Bei ซึ่งก็อยู่ย่านโรงแรมผมพอดี
- ค่าขึ้นไปเดินบนระเบียงกระจก 20 หยวน (ไม่รวมในทัวร์)
- ค่านั่งรถบัสออกจากอู่หลง เพื่อมายังจุดจอดรถ ถ้าไม่อยากเดิน ซื้ออีก 15 หยวน (ไม่รวมในทัวร์) ถ้าจะเดินก็ประมาณกิโลกว่าๆครับ
- ทริปนี้เดินเยอะมาก ฟิตร่างกายให้ดีนะครับ และเตรียมรองเท้าสำหรับเดินไปด้วย
- ข้างล่างหุบเขาอากาศเย็นมาก เสื้อกันหนาวเอาแบบหนาๆไปเลย
- อุทยานเปิดถึงแค่ 17:00 น. เท่านั้นนะครับ
- ค่าเข้าชม Wulong Karst ราคา 135 หยวน
- ค่าเข้าชมจุดที่สองที่ต้องเดินเลียบหน้าผา 115 หยวน
- จำไว้เสมอว่าการซื้อตั๋วรถไฟ ซื้อตั๋วเข้าชม ใช้ Passport ในการยืนยันตัวตนนะครับ อย่าลืมพกติดตัวด้วย