แบกเป้ตะลุยคันไซ เปิดโลกใหม่ในญี่ปุ่น

July 11, 2015
Scroll Down

สวัสดีครับผม กลับมาเจอกันอีกแล้ว กับบันทึกการเดินทางของบักสน โปรแกรมเมอร์ที่หลงรักการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ ฮ่าๆ วันนี้ผมก็ขอนำประสบการณ์สดๆร้อนๆของการออกไปเดินทางเที่ยว “ญี่ปุ่น” มาฝากครับ

ทริปนี้เป็นทริปที่ “แทรก” ทริปที่อยู่ในแพลน เนื่องจากว่าอยู่ๆสายการบินหางแดงก็ออกโปรโมชั่นบินไปกลับโอซาก้าราคาถูก 6,500 บาท ไปกลับ และช่วงเวลาเดินทางก็อยู่ในช่วงที่ผมยังไม่มีแพลนเดินทางไปไหนพอดี ผมก็เลยจองตั๋วไปครับ

ทริปนี้เป็นการเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งแรกสำหรับพวกเรา การวางแผนเราก็ทำการบ้านกันเยอะครับ เพราะงงกับข้อมูลที่มี แต่พออ่านไปเยอะๆก็ยิ่งงงมากขึ้น การเดินทางใช้บัตรโน่นบัตรนี้ สรุปพวกเราเลยทำการบ้านเฉพาะ เลือกที่พักครับ ว่าอยากพักที่ไหน อะไรยังไง โดยโจทย์ของเราคือ เราต้องการพักให้ครบรูปแบบเท่าที่จะทำได้ นั่นก็คือ แคปซูล เรียวกัง โรงแรมแบบญี่ปุ่น และโรงแรมห้าดาว เพื่อไปสัมผัสว่าที่พักในญี่ปุ่นนั้นเป็นอย่างไร (เราไม่เลือกนอนโฮสเท็ล เพราะอยากมีความเป็นส่วนตัวหน่อยนึงครับ)

ดังนั้นทริปนี้ พวกผมจึง “เปลี่ยนที่พัก” กันทุกวัน สนุกสนานกันมาก และที่สำคัญที่พักในญี่ปุ่นส่วนใหญ่ ก็เช็คอินประมาณ 16:00 น. ด้วยครับ ทำให้หลายครั้งเราก็ต้องฝากของไว้ที่ Locker ในสถานีรถไฟ ก็ได้ประสบการณ์ไปอีกแบบ ชอบมากๆกับการบริหารจัดการเรื่องต่างๆของประเทศนี้

พวกผมเดินทางโดยการบิน “อ้อม” ครับ คือแทนที่จะบินตรงสู่โอซาก้าเลย พวกผมกลับเลือกบินไปยัง KL ก่อน เพราะตั๋วราคาถูกด้วย บวกกับเวลาในการบินมันโอเค ไปถึงนั่นตอนเช้า ก็เที่ยวต่อได้เลย ในขณะที่ถ้าหากว่าบินตรงจะไปถึงที่นั่นดึกมากๆ ยังไม่อยากใช้ชีวิตคืนแรกในสนามบิน ฮ่าๆ แต่ที่ไหนได้ครับ ก่อนจะเดินทางสองวัน อีสายการ์บินหางแดงก็ส่งเมลมาแจ้งเตือนว่ามีการเปลี่ยนเวลาบิน คือแทนที่จะบินตอนตีหนึ่ง กลับเป็นตอนตีห้า!! และจะไปถึงที่นั่นเที่ยง!! แต่เค้าก็ให้เราเลือกได้ว่าจะเปลี่ยนแปลงการเดินทางหรือไม่ ผมก็เลยเปลี่ยนวันกลับ โดยเพิ่มเวลาเที่ยวไปอีกหนึ่งวัน และนั่นก็เลยทำให้ทริปของพวกผมมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เพราะแลกกับเวลาที่เสียไป 4 ชั่วโมง กับวันที่เพิ่มขึ้นมาในญี่ปุ่นอีกวัน มันคุ้มมากครับ

ทริปการเดินทางของผมนั้น จะมีทั้งหมด 5 เมืองหลักๆครับ คือ OSAKA – NARA – KYOTO – UJI – KOBE โดยจะเน้นเวลาส่วนใหญ่ใน KYOTO ครับ เมื่อไปถึงวันแรก เราก็โชคดีมากๆ ที่เรา “ถาม” คุณป้าที่ตรง Information Counter ในสนามบินว่า พวกเราวางแผนการเดินทางแบบนี้ คุณป้ามีคำแนะนำไหมครับ ปรากฎว่า คุณป้าตอบคำถามอะไรได้ดีมาก พูดภาษาอังกฤษได้เจ่งเลย ป้าแนะนำว่า ถ้าดูจากแพลนการเดินทางไปยังเมืองต่างๆ ป้าว่า พวกหนูซื้อบัตรแบบนี้ดีกว่านะ นอกจากจะประหยัดแล้ว ยังสะดวกด้วย และนั่นแหล่ะครับ คือสิ่งดีงามอันดับแรกที่เราได้รับ ขณะเยือนญี่ปุ่น

เนื่องจากว่าเราเดินทางไปถึงสนามบินตอนเที่ยง กว่าจะผ่านด่าน ตม. ก็เกือบบ่ายสองครับ!! ใช่ครับ เกือบบ่ายสอง เพราะคนเยอะมาก ต่อคิวยาวสุดๆ กว่าจะผ่านไปได้ ดังนั้นเวลาเที่ยวในโอซาก้าก็ย่อมน้อยลงไปด้วย ตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะซื้อบัตร OSAKA AMAZING PASS แบบหนึ่งวัน แต่ก็ปรากฎว่า ไม่ซื้อครับ มันไม่คุ้ม เราเลือกที่จะจ่ายเองดีกว่า เพราะไม่ได้จะเที่ยวครบ 28 จุดในโอซาก้าอยู่แล้ว บวกกับข้อมูลที่คุณป้าให้ ทำให้เราตัดสินใจได้ง่ายกว่าเดิม นั่นก็คือซื้อตั๋วเข้าเมืองเลยครับ นั่ง JR ไป

ดังนั้นสรุปก็คือการเดินทางเราเป็นแบบนี้ครับ

  • วันที่ 2 ก.ค. เดินทางถึงสนามบิน นั่งรถไฟไปยังตัวเมือง เที่ยวโอซาก้ายามค่ำคืน ไปกินข้าวหน้าปลาไหลที่ร้านชื่อดัง อายุร่วม 300 ปี ลิงค์ที่พักครับ
  • วันที่ 3 ก.ค. ช่วงเช้าเที่ยวปราสาทโอซาก้า แล้วเดินทางไปยังเมือง NARA เที่ยวเมืองนารา ดูกวาง ดูวัด กินอาหารร้านชิซูกะ (ร้านแนะนำในหนังสือนำเที่ยว) คืนนี้พักที่ Guest House ครับ ขนาดเล็กแต่เงียบสงบมาก ชอบสุดๆ ลิงค์ที่พักครับ
  • วันที่ 4 ก.ค. เช้าเที่ยว NARA ต่อเดินดูของกิน เน้นกินครับที่นี่ โมจิอร่อยเวอร์ กินนั่นกินนี่ เอาให้ครบ จากนั้นเดินทางไปยังเมือง KYOTO และไปเที่ยววัด Kiyomitsu หรือวัดน้ำใส ดึกๆเที่ยวย่าน Gion คืนนี้นอนที่พักแบบ Japanese Style ครับ ราคาร่วมครึ่งหมื่นต่อคืน ทำเลดีมาก แต่..ผมกลับประทับใจน้อยที่สุดในบรรดาที่พักทั้งหมดในทริปนี้ ลิงค์ที่พักครับ
  • วันที่ 5 ก.ค. เที่ยว KYOTO แบบเต็มวัน ไล่ตั้งแต่ปราสาททอง ปราสาทเงิน สะพานข้ามแม่น้ำ วัดป่าไผ่ วัดเซน เยอะมากครับ เดี๋ยวค่อยลงในรายละเอียด คืนนี้นอนแคปซูลครับ อยากนอนดู เป็นแคปซูลแรกที่ได้สัมผัส ปรากฎว่า ไปเจอแคปซูลวันสุดท้ายที่โอซาก้า แคปซูลที่นี่คือกระจอกไปเลย ฮ่าๆ ลิงค์ที่พักครับ
  • วันที่ 6 ก.ค. เที่ยว KYOTO ต่อ วันนี้เราโชคดีมากที่อยู่ๆไปโผล่ที่วัดแห่งหนึ่ง และเราเข้าไปดู ปรากฎว่าอึ้งในความสวยงาม มารู้ว่า วัดที่ว่านี้คือหนึ่งในสามของวัดที่สวยที่สุดของญี่ปุ่นที่เอาไว้ดูใบไม้หลากสี!! มิน่า มันถึงได้สวยสดงดงามขนาดนี้  จากนั้นบ่ายๆก็เดินทางไป Uji ครับ หาชาเขียวกิน ลิ้มลองให้ครบ คืนนี้นอนเรียวกังสุดหรู ริมน้ำ ที่ Uji ลิงค์ที่พักครับ
  • วันที่ 7 ก.ค. เที่ยวมรดกโลกใน Uji ครับ และไปพิพิธภัณฑ์ด้วย จากนั้นเดินทางไปยัง KOBE คือนี้นอนโรงแรมห้าดาว ที่ชั้น 17 ชม City View ของเมือง KOBE ดูด้วยตาเปล่าสวยมาก แต่ถ่ายรูปมาไม่ค่อยโดน เนื่องจากฟ้ามันขมุกขมัว ถ่ายสวยสู้ตาเห็นไม่ได้ครับ ลิงค์ที่พักครับ
  • วันที่ 8 ก.ค. ชอบปิ้งที่ KOBE ครับ ของถูกมาก แบรนด์เนมลดราคากันเยอะสุดๆ (เมื่อเทียบกับไทย) แล้วเดินทางกลับไปยัง OSAKA ครับ คืนนี้นอนที่พักแบบ Japanese Style โดยที่พักนี้เป็นแบบ Hostel ด้วย แต่ผมนอนแบบส่วนตัวกัน ที่พักดีครับ  วันนี้เที่ยว OSAKA กันอีกนิดหน่อย ลิงค์ที่พักครับ
  • วันที่ 9 ก.ค. เที่ยว OSAKA ที่เหลือ ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์นี้ที่เค้าวาใหญ่ที่สุดในโลก คืนนี้นอนแคปซูลที่เป็นครบวงจรครับ รับเฉพาะผู้ชาย 18+ ห้ามมีรอยสัก คุณภาพดีงามมาก!!  ลิงค์ที่พักครับ
  • วันที่ 10 ก.ค. เดินทางมายังมาเลเซีย และรอบินกลับเมืองไทย ครับผม

สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในญี่ปุ่น ผมคิดว่าเราน่าจะหากันได้เนาะ เพราะทุกวันนี้รีวิวญี่ปุ่นเยอะมาก แต่ผมจะมาแนะนำพวกการเดินทางอะไรแบบนี้ดีกว่าครับ การเดินทางในญี่ปุ่นดีมาก มีรถไฟเชื่อมต่อกันหมดครับ และที่สำคัญมันตรงเวลามาก แบบว่ามาเป๊ะๆ เวลาจะไปที่ไหนก็แค่นั่งไล่หาสถานีที่ว่า เค้าแยกเส้นการเดินทางเป็นสีๆ ครับ ดูไม่ยากเท่าที่ควร มันต้องไปเห็นเองถึงจะเข้าใจ ให้นั่งมะโนนึกภาพตามผมว่าอาจจะยากสักหน่อย ฮ่าๆ ถ้าหากว่าเรามีการเดินทางข้ามจังหวัด เช่น จากโอซาก้าไปเกียวโต หรือโกเบ หรือนารา อะไรแบบนี้ แนะนำให้ซื้อบัตร Kansai Pass ครับ มีให้เลือกแบบหนึ่งวันหรือสองวัน เอาตามสะดวก มันจะเริ่มนับเวลาตั้งแต่ตอนเราใช้ครั้งแรก และหมดเวลาในตอน 23:59 ของวัน ดังนั้น ถ้าใช้ครั้งแรกตอนสี่ทุ่ม พอถึงเที่ยงคืน ก็เท่ากับว่า คุณใช้สิทธิ์วันแรกหมดแล้วนะครับ ดังนั้น วางแผนให้ดีๆ  ส่วนที่ Kyoto ไม่ต้องซื้อบัตรอะไรเที่ยวโน่นนี่นั่นนะครับ แนะนำให้ซื้อบัตรรถบัส 500 เยน ครับ นั่งได้ตลอด ที่เกียวโต นั่งรถบัสเที่ยวจะสะดวกกว่านั่งรถไฟ ประหยัดได้เป็นพันๆ เยน เชื่อผมครับ 🙂 เพราะรถบัสในเกียวโต ขึ้นทีนึงก็ต้องจ่าย 230 เยนแล้วอ่ะ ดังนั้นมีบัตรนี้ คุ้มกว่าเยอะ ซื้อได้กับคนขับรถบัสเลย

ส่วนพวกบัตร JR PASS สำหรับผม นั่นมองว่าไม่คุ้ม เพราะผมไม่ได้เดินทางข้ามโซน อีกอย่าง บางแห่งมันก็ไม่มี JR ผ่านโดยตรง ต้องต่อสายอื่น ซึ่งก็ต้องจ่ายเงิน ผมว่าซื้อตั๋วเองจะถูกกว่าครับ

คืนแรกเราก็ไปทักทายคุณลุงกูลิโกะครับ ใครมาก็พากันเที่ยวถ่ายรูปกับมุมนี้ ผมก็ถ่ายๆไว้หน่อย แต่เอาจริงๆนะครับ ผมเฉยๆ กับแลนด์มาร์คแนวๆนี้ คือโดยส่วนตัวจะชอบแนวธรรมชาติอะไรมากกว่า

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ “มุ้งมิ๊ง” มากครับ เอาการ์ตูนมาผสมกับสิ่งของมากมาย ทำให้หลายคน “กระเป๋าฉีก” และผมก็เช่นกันครับ มันน่ารักไปหมด ตอนแรกตั้งใจไว้ว่า ไม่นะ จะไม่ชอปปิ้งเด็ดขาด ประเทศนี้ของแพง ไม่ๆๆๆๆ แต่พอไปเจอ ก็ลืมหูลืมตา มือไม้สั่นไปหมด นั่นก็น่ากิน นี่ก็น่าซื้อ  เงินเยนไหลออกจากกระเป๋ารัวๆ รู้ตัวอีกที ก็แทบช็อค เงินหมดไปเยอะมาก ฮ่าๆ วันแรกก็ทำเอาผมแสบทรวงไปเลยนะครับ ญี่ปุ่น

ที่ญี่ปุ่นจะมีร้านอาหารขายข้าวหน้าปลาไหลครับ อร่อยบรรลัยกัลป์ อร่อยจนแทบอยากหยุดเวลาเอาไว้ มาพร้อมกับราคาที่กรี๊ดดังลั่น แต่เอาน่า ครั้งหนึ่งในชีวิต ร้านนี้มีอายุร่วม 300 ปีเชียวนะ ผมสะกดจิตตัวเอง และหลังจากที่กินไปแล้ว มันคุ้มค่าเงินทุกเยนมากกกกก

ที่เที่ยวในโอซาก้ามีเยอะนะครับ แล้วแต่เลยว่าจะชอบแบบไหน คุณชอบชอปปิ้ง ไปย่านนัมบะ อุเมดะ ของลดราคาเยอะมาก ยิ่งค่าเงินเยนถูก ต้องเตือนสติกันให้มั่น ไม่งั้นก็จะเกิดอาการ เทเงิน ฮ่าๆ และผมยังได้เห็นร้านปาจิงโกะด้วยครับ เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็น ร้านการพนันที่ออกแบบได้มุ้งมิ้งมากเหมือนกัน คนเล่นเยอะมาก

ถ้าหากชอบพวกสถาปัตยกรรม ก็ห้ามพลาดพระเอกของเมืองนี้คือปราสาทโอซาก้าครับ  ผมว่าก็สวยดีนะ ใหญ่โตดี เสียดายทริปนี้ฟ้าไม่ค่อยสวยสักวัน เลยถ่ายมามีแต่ภาพฟ้าขาวๆ ฮือๆ

ในตัวปราสาทมีการจัดแสดงอะไรหลายๆอย่างด้วยครับ แนะนำให้ไปดูกัน อย่าไปเสียดายเงินไม่กี่ร้อยกี่พันเยนครับ มาทั้งที่ ควรสัมผัสให้เต็มที่ครับ ขึ้นชื่อว่าญี่ปุ่นทำแล้ว มันดีงามครับ ไม่ได้อวย แต่มันจริงอ่ะคับ ฮ่าๆ

ที่นารา จุดเด่นก็จะเป็นการไปเล่นกับกวางครับ กวางที่นี่ไม่กลัวคนเลยสักนิด ใครที่ป้อนขนมมัน มันจะวิ่งมาดุนๆและกัดเราด้วย ว่าเอาขนมมาเดี๋ยวนี้นะพวกมนุษย์! ผมว่าน่ารักดี

ที่นารานอกจากจะดูกวางแล้ว ก็ยังมีวัดด้วยครับ สวยด้วย อยู่ตรงแถวๆสวนกวางนั่นแหล่ะครับ ไปดูชมกันได้ วัดญี่ปุ่น สำหรับผม ผมไม่ตื่นตาเรื่องความอลังการนะครับ เพราะผมเจอของจีนมาแล้ว แต่ผมชอบเรื่องพวกการจัดสวนสไตล์เซ็นของญี่ปุ่น ที่มันเรียบง่ายดี หลายๆวัดที่ผมไปในญี่ปุ่น จึงแค่ไปให้เห็น มันก็งั้นๆ แฮะๆ

บล็อกเริ่มยาวแล้ว ไว้ต่อกันที่บล็อกตอนหน้านะครับ

EN / FR

© Copyright BackpackStory.com.

Close