หลังจากที่บล็อกก่อนหน้านี้ผมพาไปเที่ยวที่เมืองจางเจี๋ยเจี้ยแล้ว ผมก็มีเวลาเหลืออีกสามวันก่อนจะกลับไทย เพื่อนของเพื่อนผมก็เลยชวนผมไปเที่ยวบ้านเกิดของเค้า นั่นก็คือเมือง Changde ผมเองก็ไม่เคยได้ยินชื่อเมืองนี้มาก่อน แต่ตอนนั้นก็คิดว่าไหนๆก็มีโอกาสมาเที่ยวแล้ว และมีเวลาเหลือก็เลยตกลงไปกับเพื่อนครับ
เมืองฉางเต๋ออยู่ห่างจากเมืองจางเจี๋ยเจี้ยไม่ไกลเท่าไหร่ครับ นั่งรถไฟประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงแล้วครับ
ด้วยความที่เหนื่อยมากๆ จากการที่ได้เดินปีนเขามาสี่วันเต็มๆ ทำให้ที่เมืองฉางเต๋อผมอาศัยพักผ่อนและเที่ยวแค่ในตัวเมืองนะครับ แต่แค่ในตัวเมืองก็มีอะไรให้ดูเยอะพอสมควร
อย่างแรกที่ผมประทับใจเมืองนี้ก็คือ “ความสะอาด” ครับ ปกติแล้ว จีนจะขึ้นชื่อมากเรื่องของความสกปรก ผมขอพูดแบบนี้เลยนะครับ เพราะผมไปเมืองอู่ฮั่น หรือเมืองอื่น ชาวจีนกลั้วคอเต็มสตรีม พร้อมกับขากเสลดต่อหน้าต่อตา ถ่มน้ำลายลงพื้น แบบไม่เกรงใจกันเลยครับ ส่วนห้องน้ำ เค้าก็ไม่ยอมราด แถมยังใช้ซ้ำต่อจากคนก่อนหน้าอีก แต่ที่เมืองนี้ บ้านเมืองสะอาดมาก ห้องน้ำในจุดสาธารณะก็ถือว่าค่อนข้างได้มาตรฐานครับ ผมดูแล้วเหมือนเป็นเมืองที่กำลังขยายตัว เพราะมีการก่อสร้างเต็มไปหมด
ที่สถานีรถไฟของเมืองฉางเต๋อ มีลักษณะโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจครับ เมืองนี้ตอนที่ผมไป แลดูเงียบๆ ผู้คนไม่พลุกพล่านเท่าไหร่ หรือผมจะไปตรงจุดที่คนไม่ค่อยไปก็ไม่รู้ ฮ่าๆ เมื่อออกจากสถานีรถไฟ เราก็จะเห็นอาคารทางเชื่อมเหมือนในภาพด้านบนครับ
ด้วยความที่เดินทางไปถึงราวสองทุ่ม ผมกับเพื่อนก็ไปทานข้าวเย็นกันก่อน ในตัวเมืองมีร้านอาหารเยอะครับ แต่เมนูมีแต่ภาษาจีน แถมไม่มีรูปภาพประกอบ ในร้านที่ผมไปกิน มีเมนู “ผัดเผ็ดงู” ด้วยนะครับ แต่ผมไม่ได้สั่งหรอกครับ ฮ่าๆ อ้อ นอกจากนี้ที่เมืองจีนยังมี “ข้าวต้มกบ” ด้วยนะครับ ผมสั่งข้าวต้มไก่ แต่ดันได้อาหารเป็นข้าวต้มกบซะงั้น ตอนกินก็คิดอยู่ว่าทำไมเนื้อไก่มันขาวแท้วะ พอกินไปสักพัก อนาโตมีกบเริ่มชัดเจน เลยถามสาวเสิร์ฟเพื่อความแน่ใจ แล้วก็โป๊ะเชะ! กบจริงๆด้วยครับ ฮ่าๆ
ตลอดการพักผ่อนที่เมืองฉางเต๋อ ผมพักที่โรงแรม 7dayInns ครับ เป็นโรงแรมที่ใช้ได้เลยครับ ไม่แพงด้วย มีเรทต่ำสุดที่ 138 หยวน ต่อคืน มีห้องน้ำในตัว ทีวี แอร์ อินเตอร์เน็ต (ที่ผมพักเป็นแบบสายแลน) ครบ แต่บางทีก็อาจจะได้ห้องที่ไม่ติดหน้าต่างด้วยนะครับ ถ้าไม่มายด์เรื่องหน้าต่าง ผมว่าโรงแรมนี้เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว
วันรุ่งขึ้น เพื่อนผมพาไปเที่ยวที่สวนธารณะประจำเมืองฉางเต๋อ สวนแห่งนี้ดูเป็นสวนที่เพิ่งจะสร้างเสร็จใหม๋ๆครับ ต้นไม้เหมือนเพิ่งผ่านการย้ายมาปลูกไม่นาน วันนั้นอากาศร้อนมาก ผมก็เดินๆหลบแดดไปเรื่อยๆ สวนแห่งนี้มีอาณาบริเวณใหญ่โตมากจริงๆ และมีการจัดสวนสวยด้วยครับ ผมว่าในอนาคตเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว สวนแห่งนี้ต้องเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยอดฮิตแน่ๆ
เพื่อนผมบอกว่า รัฐบาลเค้าสร้างสวนแห่งนี้เพื่อเป็นของขวัญแก่ชาวเมือง เดี๋ยวตอนกลางคืนก็จะมีการจัดแสดงน้ำพุประกอบดนตรี ให้ชาวบ้านได้มาชมฟรีๆครับ จัดแสดงทุกวันตั้งแต่เวลาหนึ่งทุ่ม ถึงสองทุ่ม
สวนแห่งนี้ในตอนกลางวันค่อนข้างเงียบ (เพราะชาวบ้านไปทำงาน ฮ่าๆ) พอถึงยามเย็นก็จะเริ่มครึกครื้น มีคุณลุงมานั่งสีซอจีน เพราะมากๆ ผมก็นั่งฟังคุณลุงบรรเลงเพลงไปหลายเพลงเหมือนกัน เพื่อนผมบอกว่าสวนแห่งนี้พอตกกลางคืนก็จะเป็นอีกบรรยากาศครับ
ผมชอบสวนแห่งนี้ก็ตรงที่มันเงียบสงบนี่แหล่ะครับ และมีพนักงานมาทำความสะอาดบ่อยมาก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเมืองนี้จึงค่อนข้างสะอาด ภาพด้านบนเป็นจุดนั่งพักผ่อนไว้ชมการแสดงในยามค่ำคืนนะครับตอนกลางคืนเค้าจะประดับด้วยแสงไฟ สวยมากๆ
ติดกันกับสวนสาธารณะ รู้สึกจะมีอาคารจัดแสดงอะไรสักอย่างนี่แหล่ะครับ อยู่ติดกันเลย รูปทรงภายนอกดูเหมือนเครื่องบินครับ แต่เสียดายวันที่ผมไปเค้าปิดครับ เลยอดเข้าไปดูภายในอาคาร แต่รอบนอกก็มีของจัดแสดงอยู่เหมือนกันนะครับ อย่างเช่นภาพบนสุดที่เป็นรูปปั้นม้า เค้าปั้นได้ยิ่งใหญ่มากๆ งานเนี๊ยบมากครับ
แค่เดินรอบๆสวนสาธารณะก็มีอะไรให้ชมเพลินเลยแหล่ะครับ สวนนี้เหมาะกับการมาเที่ยวชิลๆนะครับ
พอตกกลางคืน ทุกจุดประดับประดาด้วยแสงไฟครับ มีลูกเล่นสวยงามมาก แล้วลองคิดดูสิครับว่า สวนแห่งนี้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน แล้วทุกจุดประดับไฟแบบนี้หมด ให้อารมณ์เหมือนไปเที่ยวสวนสนุกเลยครับ กลางคืนต่างจากกลางวันมากจริงๆ และแน่นอนว่าพอตกกลางคืนคนก็หนาแน่นด้วย เพราะจะมาชมการแสดงน้ำพุครับ
ผมชอบการแสดงน้ำพุชุดนี้มากๆ ใช้เวลาในการแสดงประมาณครึ่งชั่วโมงครับ เป็นครั้งแรกที่ผมเคยดูน้ำพุแสงสีเสียงแบบนี้ ฮ่าๆ ก็อดตื่นเต้นไม่ได้ แสดงไฟหลากสีทำให้หัวใจเบิกบานไปด้วย ผนวกกับดนตรีจังหวะเร้าใจ แหม่ มันส์อย่าบอกใคร
ราตรีนี้ยังมีกิจกรรมต่อครับ หลังจากที่ดูน้ำพุจบแล้ว เราก็เข้าไปในตัวเมือง และไปยังที่แห่งนี้ครับ “กำแพงกวี” Changde Poem Wall กำแพงจารึกงานกวีที่ยาวที่สุดในโลกครับ กำแพงนี้สร้างขึ้นเนื่องจากรัฐบาลจีนต้องการจะโปรโมทวัฒนธรรมของจีนให้นักท่องเที่ยวได้รับรู้ครับ จึงได้ลงทุนสร้างกำแพงป้องกันน้ำท่วมยาว 2.92 กิโลเมตร พร้อมกับจารึกบทกวียาวตลอดแนว มีทั้งบทกวี ภาพแกะสลัก สวยมาก
นอกจากนี้ในบางช่วงก็มีการจัดแสดงนิทรรศการชั่วคราวด้วยครับ กำแพงนี้ก็เป็นอีกจุดที่ผมให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ผมไม่เคยได้ยินชื่อกำแพงนี้มาก่อนครับ คือเมืองนี้มันไม่มีในสารบบสมองผมเลย ฮ่าๆ ทุกอย่างที่นี่คือเรื่องใหม่สำหรับผม พอได้กลับมานั่งค้นหาข้อมูล ก็ตื่นเต้นกับเรื่องราวต่างๆในเมืองนี้ รวมทั้งกำแพงกวีนี้ด้วยครับ
สำหรับเมืองฉางเต๋อ แม้จะเป็นเมืองที่ผมไม่รู้จัก แต่ก็สร้างความประทับใจให้ได้ไม่แพ้เมืองอื่นๆ อาจจะดูเป็นเมืองที่กำลังขยายตัว มีการก่อสร้างเต็มไปหมด แต่ก็ยังมีจุดที่น่าสนใจอยู่เยอะครับ เพียงแต่น่าเสียดายที่ผมไม่ได้มีเวลามากพอที่จะไปเยี่ยมชมทุกจุด หลังจากที่กลับมาบ้านแล้ว ผมได้ลองเปิดเว็บดูว่าเมืองนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง ก็พบว่ามีหลายสถานที่เลยครับ ไม่ว่าจะเป็นทะเลสาบ ภูเขา พิพิธภัณฑ์ ครับ
ทริปเมืองจีนของผมก็จบลงที่บทความตอนนี้นะครับ แหม่ว์ เที่ยวผ่านไปเป็นเดือนกว่าจะอัพเดทเสร็จ ฮ่าๆ ขอบคุณที่ติดตามจนจบนะครับ ครั้งหน้า ผมจะพาไปเที่ยวสิงคโปร์ ประเทศเล็กๆ แต่เค้าก็ไม่เล็กในเรื่องความคิดนะครับ แล้วเจอกันครับผม