ทริปนี้เป็นทริปที่ผมใจจดใจจ่อมากที่สุด เพราะมันคือครั้งแรกในชีวิตของผมที่จะได้ไปภาคใต้ของไทยครับ ผมวางแผนอยู่นานว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดีน้า โชคดีมีพี่ที่รู้จักกันในเฟสบุคทำงานอยู่ที่เกาะลันตาใหญ่พอดี แล้วพี่เค้าก็แนะนำเกาะลันตา และทะเลกระบี่ว่าสวยแค่ไหน พอผมเห็นแล้ว ก็นี่แหล่ะ ไปกระบี่นี่แหล่ะครับ ประกอบกับเพื่อนๆก็เชียร์ว่าทะเลกระบี่สวยจริงๆแก ไปแล้วรับรองจะติดใจ ยิ่งทำให้ผมได้แต่นับวันรอไปเที่ยวกระบี่ ฮ่าๆ
เมื่อตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า เออ ตูจะไปกระบี่นี่แหล่ะวะ ผมก็เริ่มหาเพื่อนไปเที่ยวด้วยกันครับ ตอนแรกก็มีเพื่อนๆน้องๆสนใจจะไปด้วย แต่ไปๆมาๆ ไม่มีใครว่างซะงั้น ผมก็เลยฉายเดี่ยวครับ ผมจองตั๋วเครื่องบินแอร์เอเชีย โชคดีที่ตอนนั้นมีโปรพอดี ได้ค่าตั๋วไปกลับ 1780 บาท ครับ ถูกว่ารถทัวร์ VIP อีก หวานหมูเลยทีนี้ ฮ่าๆ
ผมออกจากกรุงเทพประมาณ 16.00 น. นั่งเครื่องไปหนึ่งชั่วโมง พี่ที่กระบี่ก็เอารถมารับที่สนามบินกระบี่ครับ แล้วก็ขับรถดิ่งไปยังเกาะลันตาใหญ่ ซึ่งกว่าจะไปถึงเกาะเนี่ย ก็ต้องนั่งเรือข้ามเกาะไปถึงสองรอบครับ ใช้เวลาจากสนามบินกระบี่ ไปจนถึงเกาะลันตาใหญ่ ก็ประมาณ สองชั่วโมง
ด้วยความที่ไปถึงก็เย็นแล้ว วันแรกที่กระบี่ของผมก็เลยหมดไปแต่กับการกินครับ และได้รู้จักเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ใหม่ คือสมาชิกที่ออฟฟิศ Lantainfo.com ทุกคนอัธยาสัยดีมากๆ ดูแลผมเป็นอย่างดี ต้องขอบพระคุณอีกครั้ง มา ณ ที่นี่ด้วยครับ
สำหรับที่พักคืนแรกนั้น ทางพี่ที่อยู่กระบี่ช่วยหาให้ และจ่ายให้ผม (เกรงใจมากๆเลยครับ ขอบพระคุณอีกรอบครับ) ห้องพักใหญ่มากๆ ใหญ่จนไม่น่าเชื่อว่านี่คือห้องพัก ฮ่าๆ ราคาจริงๆผมไม่รู้ แต่ถ้าให้เดา ก็น่าจะไม่ต่ำกว่า 1,500 บาทต่อคืน เพราะวันที่สองผมย้ายที่พัก ห้องเล็กกว่า ราคายัง 2,000+ เลยครับ
วันแรกของการอยู่ที่กระบี่ โปรแกรมทัวร์ของผมคือ “ผจญภัยไปกับการลอดถ้ำ” ครับ พี่เค้าบอกว่าไม่มีโปรแกรมนี้ในทริปทั่วไป ถ้าจะไปต้องติดต่อคนในพื้นที่เองครับ เพราะมันค่อนข้างจะเสี่ยงสักหน่อย แฮะๆ มันเสี่ยงจริงๆครับ ตอนแรกผมนึกว่า ปากถ้ำจะอยู่ติดกับน้ำทะเล เหมือนที่เคยเห็นในโฆษณา ที่เค้าพากันนอนราบกับท้องเรือลอดถ้ำแคบๆเข้าไป แต่ที่ไหนได้ครับพี่น้อง!! ปากถ้ำ อยู่สูงกว่าพื้นมากๆๆ ผมว่าน่าจะไม่ต่ำกว่าตึกสามชั้น!! เราต้องปีนกันมือเปล่านี่แหล่ะครับ เพื่อไปให้ถึง “ปากถ้ำ” มันลื่นมากๆเลย
พอถึงปากถ้ำแล้ว เพื่อนร่วมทริปคนอื่นๆก็ต้องใช้ความพยายามในการลอดช่องแคบๆเข้าไป แต่บักสนเอง ด้วยความที่หุ่นบางมากๆ เลยไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด ฮ่าๆ ข้างในถ้ำมืดมาก ถ้าจะไปต้องเตรียมไฟฉายไปกันด้วยนะครับ เอาแบบที่คาดกับศีรษะเลยยิ่งดี ผจญภัยแบบนี้ พอไปถึงจุดที่มีบ่อน้ำข้างบนถ้ำ มันฟินมากๆ!! สวยงามจริงๆครับ ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ฝ่าฝันความสูงและความลื่นเพื่อมาเยือนสถานที่แห่งนี้ ในถ้ำมีหินงอกหินย้อยเยอะมาก และกลางถ้ำก็มีบ่อน้ำที่น้ำเย็นสะใจจริงๆ ผมถ่ายภาพมาเยอะแต่เบลอทุกรูป ฮ่าๆ เพราะสภาพแสงน้อย ตอนไปไม่ได้เตรียมการมาก ถ้าใครตามไปทีหลัง แนะนำให้เอาเทียนไปจุดด้วยนะครับ ขอบอกว่ามันจะโคตรสวยเลยแหล่ะครับ ^^
หลังจากเอาชีวิตไปเสี่ยงกับการปีนผาลอดถ้ำ พละกำลังผมก็ร่อยหรอครับ ได้เวลาให้อาหารแล้ว! ผมและเพื่อนร่วมทริปก็ไปทานอาหารกันที่ร้าน Noon Sunset Viewpoint ครับ เป็นร้านอาหารที่อยู่ติดทะเล มีจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยมากๆๆๆๆ ใครไปเยือนเกาะลันตาใหญ่ ผมแนะนำให้ไปดูพระอาทิตย์ตกที่นี่ครับ มันสวยจริงๆ ฮ่าๆ
แต่เกาะนี้ก็แปลกนะครับ ผมไปอยู่สามวัน ไม่ยักจะเห็นนักท่องเที่ยวคนไทยเลยครับ มีแต่ฝรั่งหัวแดงเต็มไปหมด ประหนึ่งว่าผมเป็นนักท่องเที่ยวไทยคนเดียวที่หลุดไปอยู่ในโลกของพวกเค้า ถามเพื่อนๆในเฟสดู ก็เห็นบอกว่า เพราะราคาที่พักแพง อาหารแพง แต่ที่ผมเดินๆดู ก็เห็นมี GuestHouse ราคาหลักห้าร้อยต่อคืนก็มีนะครับ แถมมีเยอะเสียด้วยครับ ส่วนราคาอาหารก็ราคาเท่าที่กรุงเทพฯครับ จานละ 40-50 บาท แต่ถ้าจะกินอาหารหรูๆ ก็นะ มันก็ย่อมแพงเป็นเรืองปกติครับ
ทริปวันแรกของผม จบลงด้วยความประทับใจในความงามของถ้ำ และความงามของพระอาทิตย์ตกดินครับ
ทริปวันที่สองของผม เราจะไปเที่ยวชมเกาะต่างๆ ที่กระบี่ครับ ผมนั่งเรือสปีดโบ้ทไป ค่าเรือสปีดโบ้ท ตกต่อหัวก็คนละ 1,500 บาท ครับ แต่ผมโชคดีอีกแล้ว ที่พี่ที่เกาะรู้จักกับเจ้าของเรือ ผมเลยได้ราคาพิเศษ ที่ถูกกว่านิดหน่อยครับ ^^ เกาะแรกที่ไปก็คือเกาะพีพีครับ โอ้โห! มันสวยมากๆๆ สวยจนผมนี่เก็บอาการไม่อยู่ ต้องหยิบกล้องมารัวไม่ยั้งครับ
ทะเลที่นี่สวยมากๆ หาดทรายก็เป็นผงเหมือนกับผงแป้งเลยครับ สมแล้วที่ได้ชื่อว่าเป็น powdery sand หาดขาวมากๆ ฮือๆ น้ำตาจะไหล ภูมิใจกับธรรมชาติเมืองไทย > <
นั่งสปีดโบ้ทเนี่ย เค้ามีบริการอาหารกลางวันแบบบัฟเฟ่ต์ฟรีด้วยนะครับ อาหารอร่อยด้วย แล้วก็มีแวะให้ดำน้ำดูปลาหลากสีใต้ท้องทะเล เป็นการดำโดยใช้ snorkel ครับ เด็กบ้านนอกอย่างผมม่วนหลายๆ กับการเที่ยวแบบนี้ อิอิ
เสร็จจากเกาะพีพี เราก็ไปต่อที่เกาะไผ่ครับ เกาะนี้หาดสวยมาก สีขาวสวยเวอร์ แต่ผมไม่ชอบอยู่อย่างนึงครับ นั่นก็คือ “ห้องน้ำ” เพราะว่ามัน “โคตรโสโครก” ไม่น่าเชื่อว่านี่จะเป็นห้องน้ำที่ดูแลโดยอุทยาน ห้องน้ำสกปรกมาก อย่างห้องน้ำชาย มีสามห้อง ประตูไม่มีหนึ่งห้อง ประตูกลอนเจ๊งหนึ่งห้อง เหลืออีกห้องที่ใช้ได้ แต่…สายชำระ สกปรกมากกกก เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบอุนจิ ครับ ผมเห็นแล้วแทบอ้วกเอาอาหารมื้อกลางวันออกมา มันไม่ใช่อุนจิใหม่ๆนะครับ แต่มันสะสมกันเป็นชาติแล้วกระมัง ยังไงก็ระวังกันหน่อยนะครับเรื่องห้องน้ำที่เกาะนี้ มันเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง!!!
ที่เกาะไผ่ เรามีเวลาสองชั่วโมงในการดื่มด่ำกับอาหารและการดำน้ำ เล่นน้ำครับ ผมก็ดำผุดดำว่าย อยู่จนหมดเวลาครับ สนุกมากจริงๆ พอเสร็จจากเกาะไผ่ ก็ไปเกาะพีพี อีกครั้งครับ แต่เป็นเกาะพีพีที่เป็นเกาะคนอาศัยอยู่ เพื่อไปจับจ่ายซื้อของ ผมเองก็ไม่รู้จะซื้ออะไร เพราะราคาบนเกาะนี้ก็แพงกว่าบนแผ่นดินใหญ่เอาเรื่องอยู่ ยกตัวอย่างเช่น ไอติมตักที่ตักใส่ขนมปัง ที่ กทม อันละ 10-15 บาท ที่นี่อันละ 30 ครับ แต่ก็เนาะ เข้าใจว่ามันอยู่บนเกาะ ฮ่าๆ
สี่โมงเย็นสปีดโบ้ทก็มาส่งเราที่ฝั่งครับ ผมว่าเค้าบริการดีมากนะครับ อย่างตอนเช้า เค้าก็มีรถไปรับเราที่ที่พัก อ้อ ลืมบอกไป วันที่สองและสามผมพักอยู่ที่ Lanta White Rock Resort ครับ ที่พักสวยมากๆ มีสระว่ายน้ำด้วยครับ (แต่ผมก็ไม่ได้ว่าย เพราะมาทะเล เพื่อมาว่ายน้ำในสระว่ายน้ำ มันก็ดูไม่ค่อยจะเข้ากันสักเท่าไหร่ ฮ่าๆ) ที่พักในช่วงผมไป มันเป็นช่วง High Season ครับ ก็ แหะๆ คืนนึงก็ 2,000+ อย่างห้องผมพัก ก็เห็นเขียนไว้ว่าคืนละ 2,500 ครับ แต่…บุญของผมอีกนั่นแหล่ะครับ มีพี่ชายใจดี ผมได้ราคาพิเศษมากๆครับ แบบหักคอกันเลยทีเดียว >< (ขอบพระคุณรอบที่สาม)
สำหรับเย็นวันนั้นผมก็ไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่หาดใกล้ๆที่พักครับ สวยเหมือนกัน เพราะน้ำกำลังลด หาดทรายขาวก็สะท้อนกับสภาพแสงสีของท้องฟ้า เห็นด้วยตาจริงๆแล้ว ปลาบปลื้มมากๆ ผมชอบพระอาทิตย์ตกดินที่สุด อยากจะอยู่กระบี่ต่ออีกหลายๆวัน เพื่อเก็บภาพพระอาทิตย์ตกดิน แหะๆ
จากนั้นก็ทานข้าว แล้วก็เข้านอนเตรียมตัวกลับในวันรุ่งขึ้นครับ วันรุ่งขึ้นผมกลับโดยนั่งรถตู้จากเกาะลันตาไปที่สนามบินกระบี่ครับ เค้ามีรถตู้ไปส่งถึงที่ ราคา 220 บาท สรุปทริปนี้ ผมจ่ายค่าเครื่องบิน ค่าที่พัก และค่าเที่ยว รวมแล้ว 3980 บาทครับผม